
สยามร่วมค้า | ศูนย์รวมอุปกรณ์ป้องกันสายไฟและท่อลมอุตสาหกรรมมาตรฐานสากล
ท่อฟอยล์อลูมิเนียม คือท่ออ่อนที่ผลิตจากอลูมิเนียมฟอยล์ 3 ชั้น ซึ่งมักเสริมโครงสร้างด้วยลวดสปริงเหล็กกล้า เพื่อให้สามารถคงรูป และทนทานต่อแรงบีบอัดได้ดี โครงสร้างนี้ทำให้ท่อมีความยืดหยุ่นสูง สามารถโค้งงอและติดตั้งในพื้นที่แคบหรือมุมอับได้อย่างง่ายดาย เหมาะสำหรับใช้งานในระบบระบายอากาศและดูดควันในบ้าน อาคารสำนักงาน และโรงงานอุตสาหกรรม ความแข็งแรงและน้ำหนักเบา เนื่องจากผลิตจากฟอยล์อลูมิเนียมคุณภาพสูงหนา 3 ชั้น (เช่น 60 ไมครอน)
ดเสียงรบกวนจากการไหลของลมภายในระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ การบีบตัวและการกระทบของลมกับผนังท่อจะถูกลดลงเนื่องจากโครงสร้างที่อ่อนตัวและวัสดุฟอยล์ที่ดูดซับเสียงได้ดี จึงเหมาะกับอาคารที่ต้องการความเงียบ เช่น โรงพยาบาล ห้องเรียน หรือออฟฟิศ สามารถยืดความยาวได้สูงสุดถึง 10 เมตรโดยไม่หดกลับ และติดตั้งได้ง่ายโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ ผู้ติดตั้งสามารถตัดท่อให้ได้ความยาวที่ต้องการ และใช้แคลมป์หรือเทปอลูมิเนียมยึดกับข้อต่อเพื่อป้องกันการรั่วซึม ทำให้ลดการสูญเสียแรงลมและประหยัดพลังงานในระบบ
เครื่องมือวัดเส้นรอบวง (Circumference Tape or Measuring Tape): ในกรณีที่การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางตรงๆ ไม่สามารถทำได้ หรือเป็นท่อขนาดใหญ่ การวัดเส้นรอบวง (Circumference) ของท่อแล้วคำนวณเส้นผ่านศูนย์กลางสามารถทำได้โดยใช้เครื่องมือวัดเช่น เทปวัดที่มีความยืดหยุ่นและสามารถพันรอบท่อได้ จากนั้นใช้สูตรคำนวณเส้นผ่านศูนย์กลางโดยการหารเส้นรอบวงด้วยค่า π (ประมาณ 3.1416).
เวอร์เนียคาลิปเปอร์ (Vernier Caliper): เครื่องมือวัดที่นิยมใช้ในการวัดขนาดภายในและภายนอกของท่อได้อย่างแม่นยำ เวอร์เนียคาลิปเปอร์มีทั้งแบบดิจิตอลและแบบอนาล็อก ซึ่งสามารถวัดได้ทั้งเส้นผ่านศูนย์กลางภายใน (ID) และภายนอก (OD) โดยการใช้ปลายของเครื่องมือวัดสัมผัสกับขอบของท่อ เพื่อให้ได้ค่าที่ละเอียดและแม่นยำสูง.
ท่อส่งลมหรือท่อระบายอากาศที่ผลิตจากแผ่นอลูมิเนียมฟอยล์บางหลายชั้น มักเคลือบด้วยโพลีเอสเตอร์เพื่อเพิ่มความทนทาน และเสริมด้วยโครงลวดสปริงเหล็กกล้า เพื่อให้ท่อสามารถคงรูปและโค้งงอได้ตามต้องการ ท่อชนิดนี้มีลักษณะยืดหยุ่น น้ำหนักเบา และสามารถติดตั้งได้สะดวกในพื้นที่ที่จำกัด จึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในระบบดูดอากาศและระบายอากาศทั้งในบ้านเรือนและอุตสาหกรรม คุณสมบัติเด่น Aluminum Foil Flexible Duct
1. ยืดหยุ่นสูงและดัดโค้งได้ง่าย สามารถโค้งงอและเปลี่ยนทิศทางตามรูปแบบพื้นที่ติดตั้งได้อย่างสะดวก ไม่จำเป็นต้องใช้ข้อต่อเสริมมากนัก ช่วยลดเวลาในการติดตั้งและลดต้นทุน รวมถึงเหมาะกับพื้นที่แคบหรือจุดอับที่ท่อแข็งทั่วไปไม่สามารถเข้าไปได้
2. คงรูปและแข็งแรง ด้วยโครงลวดสปริงเหล็กกล้า ภายในท่อมีลวดเหล็กกล้าเสริมโครงสร้าง ช่วยให้ท่อคงรูป ไม่ยุบตัวเมื่อโดนแรงบีบ และสามารถยืดตัวได้ยาวถึง 10 เมตรโดยไม่หดกลับ เพิ่มความเสถียรและความปลอดภัยระหว่างการใช้งาน
3. ทนทานต่ออุณหภูมิสูงและต่ำ สามารถใช้งานในช่วงอุณหภูมิตั้งแต่ประมาณ -30°C ถึง 150°C ซึ่งเหมาะสำหรับทั้งระบบดูดลมร้อน เช่น ครัวอุตสาหกรรม หรือระบบลมเย็น เช่น ท่อแอร์ ท่อปรับอากาศ
4. น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายและติดตั้งง่าย ด้วยวัสดุฟอยล์อลูมิเนียมและโครงสร้างแบบอ่อนตัว ทำให้ท่อมีน้ำหนักเบากว่าท่อเหล็กหรือพลาสติกแข็งมาก ติดตั้งง่ายด้วยมือ ไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ และลดค่าแรงงานในการติดตั้ง
5. ลดเสียงรบกวนในระบบระบายอากาศ โครงสร้างท่อช่วยลดแรงกระแทกของอากาศที่ไหลผ่าน ซึ่งทำให้เสียงรบกวนจากการไหลของลมลดลง เหมาะสำหรับอาคารที่ต้องการความเงียบ เช่น ห้องประชุม ห้องนอน หรือสำนักงาน
6. ทนทานต่อแรงดันอากาศและแรงดึง สามารถรองรับแรงดันลมได้สูง (บางรุ่นสูงถึง 3,000 Pa) โดยไม่เกิดการรั่วหรือฉีกขาด โครงลวดและวัสดุฟอยล์เคลือบโพลีเอสเตอร์ยังช่วยให้ท่อทนต่อการเสียดสีและแรงดึงขณะติดตั้งหรือใช้งานได้ดี
| ขนาด (นิ้ว) | เส้นผ่านศูนย์กลาง (มม.) | ความยาว | การใช้งานทั่วไป |
|---|---|---|---|
| 4 นิ้ว | 100 มม. | 10 เมตร | เครื่องดูดควัน, พื้นที่ขนาดเล็ก |
| 6 นิ้ว | 150 มม. | 10 เมตร | ท่อส่งลมในบ้าน, อาคารสำนักงาน |
| 8 นิ้ว | 200 มม. | 10 เมตร | ระบบระบายอากาศอาคารพาณิชย์ |
| 10 นิ้ว | 250 มม. | 10 เมตร | ดูดกลิ่นในครัวโรงแรมหรือโรงงาน |
| 12 นิ้ว | 300 มม. | 10 เมตร | ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลาง |
| 14 นิ้ว | 350 มม. | 10 เมตร | ระบายลมในโรงงานผลิตหรือโกดัง |
| 16 นิ้ว | 400 มม. | 10 เมตร | ใช้ส่งลมปริมาณมากในโรงงานอุตสาหกรรม |
ท่อลมชนิดยืดหยุ่นที่ผลิตจากแผ่นอลูมิเนียมฟอยล์คุณภาพสูง โดยมีลวดเหล็กเสริมโครงภายในเพื่อให้สามารถคงรูปและดัดโค้งได้ตามต้องการ เหมาะสำหรับงานระบายอากาศ ดูดควัน และระบายความร้อนในอาคาร บ้านพัก หรือโรงงานอุตสาหกรรมด้วยโครงสร้างที่เบาและยืดหยุ่น ท่ออลูมิเนียมฟอยล์สามารถติดตั้งได้ง่ายแม้ในพื้นที่แคบหรือโค้งงอ การยืดและหดตัวได้ตามความต้องการยังช่วยลดการใช้ข้อต่อและลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง ความหนาของฟอยล์มักอยู่ที่ 60 ไมครอน ทำให้ท่อมีความทนทาน ไม่ฉีกขาดง่าย ทนต่อแรงดันลมได้สูง รองรับความเร็วลมได้มากถึง 30 เมตรต่อวินาที เหมาะกับระบบที่ต้องการประสิทธิภาพสูง
ความยืดหยุ่นและการติดตั้งที่ง่ายดาย ท่อฟอยล์อลูมิเนียมสามารถดัดโค้งได้ตามต้องการ ทำให้เหมาะสำหรับติดตั้งในพื้นที่แคบหรือที่มีโครงสร้างซับซ้อน โดยไม่จำเป็นต้องใช้ข้อต่อหลายจุด ช่วยลดเวลาและค่าแรงในการติดตั้ง อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบาช่วยให้การขนส่งและการติดตั้งสะดวกขึ้น
ความทนทานต่อแรงดันและอุณหภูมิ สามารถทนต่อแรงดันลมสูงถึง 3000 ปาสคาล และรองรับอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -30 ถึง 150 องศาเซลเซียส เหมาะกับระบบระบายอากาศทั้งในงานอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย รวมถึงระบบดูดควันและท่อลมเย็น
การป้องกันการกัดกร่อนและการฉีกขาด ด้วยชั้นเคลือบโพลีเอสเตอร์และความหนาฟอยล์ 60 ไมครอน มีความแข็งแรงทนทานต่อการเสียดสีและป้องกันการฉีกขาดได้ดี อีกทั้งยังทนต่อการกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เช่น ความชื้นและสารเคมีบางชนิด
การประหยัดพลังงานและลดเสียงรบกวน ช่วยลดการสูญเสียแรงลมในระบบ ทำให้อุปกรณ์ระบายอากาศทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยลดเสียงรบกวนจากการไหลของลมภายในท่อ เนื่องจากโครงสร้างที่มีความยืดหยุ่นและหุ้มฉนวนในบางรุ่น
ขนาดและรูปแบบที่หลากหลาย มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 4 นิ้ว ถึง 16 นิ้ว และความยาวมาตรฐาน 10 เมตรต่อท่อน สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับงานระบบระบายอากาศขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ รวมถึงมีรุ่นหุ้มฉนวนใยแก้วเพื่อการควบคุมอุณหภูมิที่ดีขึ้น
ท่อฟอยล์จะมีการ เคลือบโพลีเอสเตอร์ เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความแข็งแรง และป้องกันการเสียดสี ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานของท่อให้ทนทานยิ่งขึ้นในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง นอกจากนี้ยังสามารถเลือกแบบ หุ้มฉนวนใยแก้ว ได้ สำหรับใช้งานที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ เช่น ระบบแอร์หรือท่อลมเย็น ช่วยป้องกันการสูญเสียพลังงานและลดเสียงรบกวนภายในระบบท่อลม
1. ตรวจสอบสภาพท่ออย่างสม่ำเสมอ ควรตรวจเช็กสภาพภายนอกของท่อเป็นประจำ เช่น รอยฉีกขาด การบีบอัดผิดรูป หรือรอยรั่วบริเวณข้อต่อ การตรวจสอบช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาเล็กน้อยได้ก่อนที่จะลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่
2. หลีกเลี่ยงการโค้งงอเกินองศาที่แนะนำ แม้ว่าจะยืดหยุ่น แต่การโค้งงอมากเกินไปอาจทำให้โครงสร้างภายในลวดเหล็กเสียรูป ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการไหลของอากาศและทำให้ท่อเสียหายเร็วกว่าปกติ
3. ทำความสะอาดภายในท่อเป็นระยะ การสะสมของฝุ่น ควัน หรือคราบไขมันภายในท่ออาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบระบายอากาศ ควรใช้เครื่องเป่าลม หรือระบบดูดฝุ่นอุตสาหกรรมทำความสะอาดภายในท่อทุก 6–12 เดือน
4. ตรวจสอบจุดเชื่อมต่อและการรัดยึด จุดต่อของท่อกับพัดลมหรือท่อลมควรมีการรัดแน่นด้วยแคลมป์หรือสายรัด เพื่อป้องกันการรั่วซึมของลมหรือควัน ควรตรวจสอบว่าจุดเชื่อมต่อไม่มีการหลุดหรือคลายตัว
5. ป้องกันการกระแทกหรือกดทับจากของแข็ง หลีกเลี่ยงการวางสิ่งของหนักบนท่อ หรือการเดินทับโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะอาจทำให้ท่อแบนเสียรูป และลดประสิทธิภาพในการระบายอากาศได้