สยามร่วมค้า | ศูนย์รวมอุปกรณ์ป้องกันสายไฟและท่อลมอุตสาหกรรมมาตรฐานสากล

ท่อโพลียูริเทน

ท่อโพลียูริเทนลวดทองเหลือง 2 นิ้ว

คือท่ออ่อนอุตสาหกรรมที่ผลิตจากโพลีอีเทอร์-โพลียูรีเทน (Polyether-PU) มีจุดเด่นเรื่อง “ยืดหยุ่น นุ่ม และทนสึก” สูง โครงสร้างเป็นเกลียวลวดทองเหลืองฝังในผนังท่อ ช่วยเสริมความแข็งแรงและคงรูปเมื่อบิดงอหรือดูดด้วยแรงลบ ใช้ได้กว้างตั้งแต่ระบบดูด-เป่าอากาศ การขนส่งผง/เม็ดวัสดุ ไปจนถึงงานดูดฝุ่นในสายการผลิตที่ต้องขยับเคลื่อนไหวตลอดเวลา

ระบบดูด-เป่าอากาศ การขนส่งผง/เม็ดวัสดุ

ท่อลมโพลียูริเทนระบบดูด–เป่าอากาศเพื่อการขนส่งผง/เม็ด (pneumatic conveying) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานของอากาศ (แรงดันบวกหรือแรงดึงดูด) ขนส่งวัสดุเป็นผงหรือเม็ดผ่านท่อจากจุดรับไปยังจุดส่งออก โดยมีสองแนวทางหลักคือระบบแรงดันบวก (Blowing / Pressure) ที่ใช้คอมเพรสเซอร์หรือบล็อว์เวอร์ดันอากาศเข้าไปในท่อ และระบบแรงดูด (Vacuum / Suction) ที่ใช้ปั๊มสุญญากาศดูดวัสดุเข้ามาในท่อ ข้อดีคือสามารถปิดระบบได้ ป้องกันฝุ่นกระจาย ลดการปนเปื้อน และเหมาะกับงานที่ต้องการลำเลียงในพื้นที่แคบหรือผ่านเส้นทางที่ซับซ้อน

ท่อโพลียูริเทนลวดทองแดงเหลือง (Brass Wire)

ลวดทองแดงเหลือง (Brass Wire) ที่พันเป็นเกลียวทำหน้าที่เป็นโครงกระดูกท่อ ช่วยให้ท่อทนการยุบตัวเมื่อดูดด้วยแรงดันลบ และยัง “ต่อกราวด์ได้” เพื่อลดการสะสมไฟฟ้าสถิตเมื่อขนส่งผงแห้ง เช่น แป้ง น้ำตาล เม็ดพลาสติก หรือฝุ่นจากงานไม้/ซีเมนต์ คุณสมบัติป้องกันไฟฟ้าสถิตนี้สำคัญต่อความปลอดภัย ลดความเสี่ยงการจุดติดจากประกายไฟในไลน์ที่มีฝุ่นหนาแน่น ทั้งยังช่วยให้การลำเลียงไหลลื่น ไม่จับตัวเป็นก้อน

ท่อลมดูด-ส่งโพลียูริเทน ด้านการใช้งาน ท่อชนิดนี้เหมาะกับอุตสาหกรรมอาหารและยา (สำหรับรุ่นเกรดอาหารที่ผ่านมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง), งานก่อสร้างและโรงผสมวัสดุ (ดูดฝุ่นซีเมนต์/ทราย), ระบบดูดควัน-ละอองน้ำมันในงานซ่อมบำรุงเครื่องจักร รวมถึงงานลำเลียงผง/เม็ดผ่านแรงดูดของโบลเวอร์หรือดักส์เตอร์ ความโปร่งใสทำให้ฝ่าย QC ตรวจสอบความสะอาดได้ง่าย ส่วนความยืดหยุ่นและรัศมีดัดเล็กช่วยติดตั้งในพื้นที่คับแคบรอบเครื่องจักรได้คล่องตัว (งานควัน/ไอร้อนต้องใช้งานภายใต้อุณหภูมิไม่เกิน 120 °C และไม่ควรรับไอเสียจากปลายท่อไอรถโดยตรง)

ความสำคัญอีกข้อคือ “อายุงานและเวลาหยุดเครื่อง” โพลียูรีเทนทนการขูดขีดจากผงแข็งได้ดี ลดการสึกกร่อนผนังท่อ จึงยืดช่วงเวลาบำรุงรักษา ลดการรั่ว-ฝุ่นเล็ดลอดที่กระทบคุณภาพผลิตภัณฑ์และสุขภาพพนักงาน เมื่อเทียบกับท่ออ่อนทั่วไป ผู้ใช้งานยังได้ประโยชน์ด้านน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย ลดแรงที่ส่งไปยังข้อต่อและหัวเครื่องจักร

ตัวอย่างผลงาน - ส่งมอบตูู้ไฟฟ้ากรุงเทพ และต่างจังหวัด

ท่อสแตนเลสลม
ตัวอย่างท่อลม
ลมคอลลูเกตท่อ
อลูมิเนียมฟอยล์ท่อลม

ตัวอย่างผลงาน - ส่งมอบตูู้ไฟฟ้ากรุงเทพ และต่างจังหวัด

ตู้เก็บของสแตนเลส
เชื่อมหูตู้ไฟฟ้าสแตนเลส
เจาะรูตู้ไฟสแตนเลส
ประตู-1-ชั้นสแตนเลสตู้

ทำไมอุตสาหกรรมอาหารและยาถึงนิยมใช้ท่อโพลียูริเทน

อุตสาหกรรมอาหารและยาเป็นหนึ่งในภาคการผลิตที่ต้องการความสะอาดและความปลอดภัยสูงสุดในทุกขั้นตอนของการผลิตและลำเลียงวัตถุดิบ ท่อ PU โพลียูริเทนใสลวดทองเหลืองจึงเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากตอบโจทย์ด้านความปลอดภัย การตรวจสอบ และความทนทานที่เหมาะกับมาตรฐานของอุตสาหกรรมประเภทนี้ได้เป็นอย่างดี

คุณสมบัติเด่นคือความโปร่งใส ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถมองเห็นการไหลของผง เม็ดวัสดุ ของเหลว หรืออากาศภายในได้อย่างชัดเจน การตรวจสอบความสะอาดและการอุดตันจึงทำได้ง่าย ลดความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนและปัญหาสิ่งแปลกปลอมที่อาจส่งผลต่อคุณภาพของอาหารหรือยาได้

นอกจากนี้ โพลียูริเทนเป็นวัสดุที่มีความทนทานต่อการเสียดสีและการขูดขีดสูง จึงเหมาะสำหรับการลำเลียงผงหรือเม็ดวัตถุดิบที่มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เช่น แป้ง น้ำตาล เม็ดพลาสติกทางเภสัชกรรม หรือสารเคมีที่ใช้ในกระบวนการผลิตยา การใช้ท่อที่ทนการสึกหรอช่วยลดการแตกหักหรือการรั่วไหล ซึ่งจะกระทบทั้งคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์

ลวดทองเหลืองที่ฝังอยู่ในโครงสร้างท่อมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความแข็งแรง ทำให้ท่อไม่ยุบตัวเมื่อดูดด้วยแรงดันลบ อีกทั้งยังช่วยป้องกันการสะสมของไฟฟ้าสถิตได้ด้วย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในอุตสาหกรรมอาหารและยา เพราะไฟฟ้าสถิตอาจทำให้ผงเกาะติดผนังท่อหรือเกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยหากมีประกายไฟในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นหนาแน่น

ท่ออ่อนโพลียูริเทนยังทนต่อสารเคมี น้ำ และน้ำมันในระดับที่เพียงพอสำหรับการใช้งานในสายการผลิตอาหารและยา ช่วยให้สามารถทำความสะอาดได้ง่ายและรองรับการใช้งานในกระบวนการที่ต้องมีการล้างหรือฆ่าเชื้อซ้ำบ่อย ๆ โดยไม่เสื่อมสภาพเร็ว

ท่อโพลียูริเทนลวดทองเหลือง ทนสารเคมีและน้ำมันจริงหรือไม่?

ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการเสียดสี การบิดงอ และแรงดันลบ โดยหนึ่งในคุณสมบัติสำคัญที่หลายคนสงสัยก็คือ “ความทนทานต่อสารเคมีและน้ำมัน” ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้องกับการเลือกใช้ท่อในโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมอาหาร ยา เคมีภัณฑ์ หรือแม้แต่งานซ่อมบำรุงเครื่องจักร

โพลียูริเทน (Polyurethane – PU) มีโครงสร้างโมเลกุลที่ให้ความทนทานต่อการขีดข่วนและการเสียดสีสูง แต่ยังมีความต้านทานต่อสารเคมีได้ในระดับที่ดี โดยเฉพาะสารเคมีเจือจาง สารละลายกรด–ด่างอ่อน แอลกอฮอล์ น้ำมันหล่อลื่น และไขมันบางชนิด ท่อชนิดนี้จึงถูกนำไปใช้ในงานที่ต้องลำเลียงผง เม็ดพลาสติก ฝุ่น น้ำมันไอระเหย และควันที่มาจากกระบวนการผลิต

อย่างไรก็ตาม การทนต่อสารเคมีและน้ำมันของท่อ PU โพลียูริเทนนั้น “ไม่ได้หมายความว่าทนได้ทุกชนิด” เพราะสารเคมีที่มีฤทธิ์รุนแรง เช่น กรดเข้มข้น ด่างเข้มข้น สารตัวทำละลายอินทรีย์บางชนิด (เช่น คีโตน, เอสเตอร์, เบนซีน หรือโทลูอีน) อาจทำให้เนื้อท่อเสื่อมสภาพ บวม แตก หรือกรอบได้เมื่อใช้งานในระยะยาว ดังนั้นก่อนใช้งานควรตรวจสอบตารางความเข้ากันได้ของสารเคมีกับโพลียูริเทนเสมอ

ส่วนในกรณีน้ำมัน สามารถทนได้ดีกว่าท่อ PVC ทั่วไป โดยเฉพาะน้ำมันเครื่องหรือน้ำมันหล่อลื่นที่ใช้ในโรงงาน แต่ถ้าเป็นน้ำมันที่มีสารละลายเข้มข้นหรืออยู่ในอุณหภูมิสูงเกินขอบเขต (-30 ถึง 120 °C) ก็อาจทำให้โครงสร้างท่อเสื่อมเร็วขึ้นได้

สรุปแล้ว ท่ออ่อนโพลียูริเทนลวดทองเหลือง ทนต่อสารเคมีและน้ำมันได้ในระดับที่เหมาะสมกับการใช้งานอุตสาหกรรมทั่วไป โดยเฉพาะสารเคมีเจือจาง น้ำมันหล่อลื่น และแอลกอฮอล์ แต่ไม่เหมาะกับการใช้งานร่วมกับสารเคมีเข้มข้นหรือสารทำละลายแรง ๆ หากเลือกใช้อย่างถูกต้องตามคุณสมบัติของวัสดุ ท่อประเภทนี้จะให้ทั้งความยืดหยุ่น แข็งแรง และอายุการใช้งานที่ยาวนาน

สรุปการใช้งานและการบำรุงรักษา

ท่อโพลียูริเทนลวดทองเหลืองถูกออกแบบให้ใช้งานในงานดูด–เป่าอากาศ ลำเลียงผง ฝุ่น เม็ดพลาสติก รวมถึงการดูดควันและไอน้ำมันในโรงงานอุตสาหกรรม ตัวท่อมีความใสช่วยให้มองเห็นการไหลภายใน จึงเหมาะกับงานที่ต้องการตรวจสอบความสะอาดหรือป้องกันการอุดตัน ใช้งานได้ทั้งในอุตสาหกรรมอาหาร ยา งานก่อสร้าง ไปจนถึงงานซ่อมบำรุงเครื่องจักร ลวดทองเหลืองที่ฝังในโครงสร้างยังช่วยให้ท่อไม่ยุบตัวเมื่อดูดด้วยแรงดันลบ และสามารถต่อกราวด์เพื่อลดการสะสมไฟฟ้าสถิตได้ จึงปลอดภัยต่อการใช้งานในพื้นที่ที่มีฝุ่นหรือผงติดไฟง่าย

การบำรุงรักษา เพื่อยืดอายุการใช้งาน ควรใช้ท่อภายในช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสม (-30 ถึง 120 °C) หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีที่มีฤทธิ์รุนแรง เช่น กรด–ด่างเข้มข้นหรือสารทำละลายอินทรีย์แรง ๆ และไม่ควรดัดท่อเกินรัศมีโค้งที่กำหนด ควรทำความสะอาดท่อเป็นประจำ โดยเฉพาะเมื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและยา เพื่อป้องกันการสะสมของสิ่งปนเปื้อน ตรวจสอบสภาพท่อและข้อต่ออย่างสม่ำเสมอ หากพบการแตกร้าวหรือเสื่อมสภาพควรเปลี่ยนทันที นอกจากนี้ควรตรวจสอบสายกราวด์ที่ต่อกับลวดทองเหลืองให้แน่นหนาอยู่เสมอ เพื่อให้ระบบปลอดภัยและป้องกันไฟฟ้าสถิตอย่างมีประสิทธิภาพ