
ท่อฟอยด์ดูดอากาศ 12 นิ้ว/กล่อง
ท่อฟอยล์ดูดอากาศผลิตจาก อลูมิเนียมฟอยล์ 3 ชั้น ความหนา 60 ไมครอน โดยภายในเสริมด้วยลวดสปริงเหล็กที่ขดเป็นเกลียว ทำให้ท่อมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นในเวลาเดียวกัน สามารถดัดให้โค้งตามทิศทางที่ต้องการได้โดยไม่เสียรูป และยังสามารถยืดหรือหดความยาวได้อย่างง่ายดาย
หมวดหมู่สินค้า
ขนาดและความยาวมาตรฐาน
ท่อลมมฟอยด์ 3 ชั้น ขนาด 12 นิ้ว ถือเป็นขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับระบบดูดควันและระบายอากาศที่ต้องการ ปริมาณลมมาก ความยาวมาตรฐานอยู่ที่ 10 เมตรต่อกล่อง ทำให้เพียงพอต่อการใช้งานทั้งในบ้าน ร้านอาหาร และโรงงาน เป็นอุปกรณ์สำหรับระบบระบายอากาศและดูดควัน ผลิตจาก ฟอยล์อลูมิเนียมหลายชั้น เสริมความแข็งแรงด้วยลวดสปริงเหล็ก ทำให้ท่อมีความยืดหยุ่นสูง สามารถดัดโค้งหรือตัดแบ่งตามความยาวที่ต้องการได้อย่างสะดวก น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย และเคลื่อนย้ายสะดวก
ท่อฟอยล์ดูดอากาศ (Aluminium foil flexible duct)
ท่อลมอลูมิเนียมฟอยล์ ป็นท่อระบายอากาศชนิดยืดหยุ่นที่ผลิตจากแผ่นอลูมิเนียมฟอยล์หลายชั้น มักเสริมด้วยโครงลวดสปริงด้านในเพื่อความคงรูป และบางรุ่นหุ้มด้วยฉนวนใยแก้วหรือชั้นลามิเนตเพื่อเพิ่มการกันความร้อนและกันความชื้น ท่อประเภทนี้มีขนาดและความหนาหลากหลาย (เช่น 3–12 นิ้ว ความหนา 60 ไมครอน ฯลฯ) สามารถยืด–หด ดัดโค้ง ตัดแบ่งตามความยาวได้ ทำให้ติดตั้งง่ายในพื้นที่แคบ มุมซับซ้อน หรือเมื่อต้องต่อเข้ากับฮู้ดดูดควัน พัดลม หรือระบบ HVAC ต่าง ๆ ผิวภายในเรียบลื่น ช่วยให้การไหลของอากาศเป็นไปอย่างต่อเนื่องและลดการสะสมของฝุ่นไขมัน
- ความหนา 60 ไมครอน → ช่วยเพิ่มความทนทานต่อแรงดันลม ความร้อน และการฉีกขาด
- น้ำหนักเบา → ทำให้ติดตั้งง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก ประหยัดเวลาในการทำงาน
- ป้องกันความชื้นและไอน้ำ → ฟอยล์อลูมิเนียมช่วยลดการซึมผ่านของไอน้ำและกลิ่น
- ทนความร้อน → ใช้งานได้ในอุณหภูมิสูง เหมาะสำหรับระบบดูดควันครัว
- ยืดและหดได้ → สามารถปรับความยาวหรือตัดแบ่งได้ตามต้องการ
- รองรับลมแรง → เหมาะสำหรับระบบที่ต้องการปริมาณลมมากและแรงดูดสูง
ความสำคัญในการเลือกใช้ท่อที่เหมาะสม
การเลือกท่อระบายอากาศหรือท่อดูดควันที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างมาก เพราะส่งผลต่อ ประสิทธิภาพการระบายอากาศ ความปลอดภัย ความทนทาน อายุการใช้งาน และความคุ้มค่าในระยะยาว ท่อที่เลือกต้องสอดคล้องกับลักษณะงาน เช่น ครัวบ้าน ครัวร้านอาหาร หรือโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงต้องพิจารณา วัสดุ ความหนา ขนาด ความยืดหยุ่น และคุณสมบัติทนความร้อน เพื่อให้ระบบทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ปลอดภัย และลดค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงในอนาคต
ประสิทธิภาพในการดูดควันและระบายอากาศ
การเลือกขนาดท่อ วัสดุ และความหนาที่เหมาะสม จะช่วยให้การไหลเวียนของอากาศเป็นไปอย่างราบรื่น ลดแรงต้านทานลม และเพิ่มประสิทธิภาพการดูดควันและกลิ่นจากครัวหรือพื้นที่อุตสาหกรรมได้อย่างเต็มที่ความปลอดภัยในการใช้งาน
ท่อที่ทนต่ออุณหภูมิสูงและไม่ติดไฟง่าย จะช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดไฟไหม้ โดยเฉพาะครัวร้านอาหารหรือโรงงานที่มีความร้อนสูงจากเตาอบและเครื่องจักรอายุการใช้งานยาวนาน
ท่อที่ทำจากวัสดุทนทาน เช่น อลูมิเนียมฟอยล์ 3 ชั้น หนา 60 ไมครอน หรือแบบหุ้มฉนวน จะช่วยป้องกันการกัดกร่อน ความชื้น และการเสื่อมสภาพ ทำให้ใช้งานได้นานและคุ้มค่า
เหมาะสมกับพื้นที่ติดตั้ง
บางพื้นที่ต้องการท่อที่ดัดโค้งได้ง่าย เช่น ท่อกึ่งแข็ง (Semi Flexible Duct) เพื่อให้ติดตั้งได้สะดวกและไม่เปลืองพื้นที่ ขณะที่บางงานต้องใช้ท่อแข็งแรงคงรูปเพื่อความมั่นคงและสวยงามลดเสียงรบกวน
ท่อบางประเภท เช่น แบบหุ้มฉนวนใยแก้ว สามารถช่วยลดเสียงจากพัดลมดูดอากาศ ทำให้ระบบทำงานเงียบลง เหมาะกับครัวบ้านและอาคารพาณิชย์ที่ต้องการความเงียบสงบคุ้มค่าในระยะยาว
การเลือกท่อที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตั้งแต่แรก แม้จะมีต้นทุนสูงกว่า แต่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง เปลี่ยนท่อใหม่ และทำให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่อง
วิธีเลือกท่อฟอยด์ดูดอากาศให้เหมาะกับครัวบ้านและร้านอาหาร
การเลือกท่อฟอยด์ควรคำนึงถึง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ความหนาและจำนวนชั้น ความยืดหยุ่นในการติดตั้ง ความทนทานต่อความร้อนและความชื้น รวมถึงการป้องกันการรั่วซึมของควันและกลิ่น เพื่อให้ระบบระบายอากาศทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ครัวบ้านควรใช้ท่อขนาด 4–6 นิ้ว ส่วนร้านอาหารที่มีการใช้งานหนักควรเลือก 6–12 นิ้วขึ้นไป พร้อมวัสดุแบบ 3 ชั้น หนา 60 ไมครอน เพื่อความปลอดภัย ทนทาน และคุ้มค่าในระยะยาว
1. ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อ (Diameter)
- ครัวบ้านทั่วไปมักใช้ท่อขนาด 4-6 นิ้ว เพราะมีพื้นที่จำกัดและการระบายควันไม่ซับซ้อน
- ร้านอาหารที่มีการใช้งานหนักควรเลือก 6-12 นิ้วขึ้นไป เพื่อให้การดูดควันและกลิ่นทำได้เร็วและแรงเพียงพอ
2. ความหนาและจำนวนชั้นของท่อ
- ท่อฟอยด์ดูดอากาศควรเป็นแบบ 3 ชั้น หนา 60 ไมครอน เพื่อให้มีความแข็งแรง ทนทาน และลดการรั่วซึมของควันและกลิ่น
- ชั้นฟอยล์ช่วยป้องกันความร้อน ชั้นโครงลวดเสริมความแข็งแรง และชั้นเคลือบป้องกันการกัดกร่อน
3. ความยืดหยุ่นและการติดตั้ง
- ท่อฟอยล์แบบกึ่งแข็ง (Semi Flexible Duct) สามารถดัดโค้งได้และคงรูปโดยไม่ต้องใช้ข้อต่อเสริม เหมาะกับพื้นที่ครัวที่มีมุมหรือข้อจำกัด
- ควรเลือกท่อที่ ยืดหดได้ เพื่อให้ปรับความยาวตามพื้นที่ได้สะดวก
4. ความทนทานต่ออุณหภูมิและความชื้น
- เลือกท่อที่ ทนความร้อนสูง เพราะบริเวณครัวมีความร้อนจากเตาและไอน้ำ
- ควรมี คุณสมบัติกันความชื้น เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราและสนิม
5. การป้องกันการรั่วซึมของกลิ่นและควัน
- ท่อควรมีชั้นฟอยล์และลามิเนตช่วยป้องกันควันและกลิ่นรั่วซึม
- ช่วยให้ระบบระบายอากาศทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่กระทบต่อพื้นที่ใกล้เคียง
6. ความคุ้มค่าระยะยาว
- เลือกท่อที่มาตรฐานอุตสาหกรรม มีอายุการใช้งานนาน ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่บ่อยๆ
- การลงทุนครั้งแรกที่เหมาะสมช่วยให้ระบบทำงานได้ดีและปลอดภัยกว่าในระยะยาว
สรุปการใช้งานและการบำรุงรักษา
ความสำคัญของท่อฟอยด์ดูดอากาศอยู่ที่การรักษาคุณภาพอากาศและประสิทธิภาพของระบบระบายอากาศโดยรวม — ช่วยดึงควัน กลิ่น ไอความร้อน และไอไขมันออกจากพื้นที่ทำงาน ลดความชื้นและความร้อนสะสม ซึ่งสำคัญทั้งในครัวเรือน ร้านอาหาร และโรงงานอุตสาหกรรม นอกจากนี้วัสดุอลูมิเนียมและชั้นลามิเนตยังช่วยป้องกันการกัดกร่อน การรั่วซึมของกลิ่น และลดการควบแน่น (condensation) เมื่อใช้ร่วมกับฉนวนที่เหมาะสม ท่อชนิดนี้ยังช่วยประหยัดพลังงานโดยลดการสูญเสียความร้อน/ความเย็น ลดภาระของคอยล์และพัดลม ทำให้ระบบทำงานเงียบขึ้นและมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น จึงเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ส่งผลทั้งต่อความปลอดภัย สุขอนามัย ความสบาย และต้นทุนการดำเนินงานในระยะยาว



