สยามร่วมค้า | ศูนย์รวมอุปกรณ์ป้องกันสายไฟและท่ออุตสาหกรรมมาตรฐานสากล

ตู้สแตนเลสขายของ
ตู้เก็บอุปกรณ์ไฟฟ้า 2 ชั้น

ตู้สแตนเลสเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้า 2 ชั้นที่ผลิตจาก วัสดุสแตนเลส 304 มีการออกแบบเพื่อการจัดเก็บและปกป้องอุปกรณ์ไฟฟ้าในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงจากความชื้นและการสัมผัสกับสารเคมี ซึ่งแตกต่างจาก ตู้เก็บจาน หรือ ตู้แช่ในครัว ที่ออกแบบมาสำหรับการเก็บอาหาร โดยที่ตู้สำหรับเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้าต้องมีความทนทานและคุณสมบัติเฉพาะในการปกป้องอุปกรณ์ไฟฟ้าจากอันตรายทางไฟฟ้าและอันตรายจากสภาพแวดล้อมต่าง ๆ

"ตู้สแตนเลสขายของ ตู้เก็บอุปกรณ์ไฟฟ้า 2 ชั้น"

จำหน่าตู้สแตนเลสบานเดี่ยวและบานคู่

ตู้ไฟสแตนเลสผลิตจากวัสดุ สแตนเลส 304 มีความทนทานสูงต่อการกัดกร่อนและสามารถใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นและสารเคมี โดยเหมาะสำหรับการจัดเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้าในโรงงานหรืออุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อความปลอดภัยและการจัดระเบียบที่ดีขึ้น การใช้งานง่ายและติดตั้งสะดวก สามารถติดตั้งในพื้นที่จำกัดหรือภายในตู้คอนโทรล ระบบไฟฟ้า การออกแบบ 2 ชั้นช่วยแยกอุปกรณ์ไฟฟ้าให้เป็นระเบียบ เพิ่มความปลอดภัย และยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้าได้ ความแตกต่างกันในเรื่องของการเปิดใช้งานและการจัดเก็บอุปกรณ์ภายใน ตู้บานเดี่ยวมีการเปิดเพียงหนึ่งด้าน ซึ่งเหมาะสำหรับพื้นที่จำกัดและการเข้าถึงอุปกรณ์ที่ไม่มากนัก ขณะที่ตู้บานคู่จะมีการเปิดทั้งสองด้าน ทำให้สะดวกในการจัดเก็บและเข้าถึงอุปกรณ์มากขึ้น เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการพื้นที่ในการจัดเก็บอุปกรณ์หลายชนิดหรือในกรณีที่ต้องการการเข้าถึงอุปกรณ์จากหลายทิศทาง ทั้งนี้ การเลือกใช้บานเดี่ยวหรือบานคู่จะขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและพื้นที่ในการติดตั้ง

สินค้าจัดรายการ🖱️

การใช้งานในพื้นที่ที่มีจำกัดและต้องการการเข้าถึงอุปกรณ์แบบง่ายๆ

ตู้สแตนเลสเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้า ตู้บานเดี่ยวจะเป็นตัวเลือกที่ประหยัดพื้นที่และใช้งานสะดวก ส่วนตู้บานคู่เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีอุปกรณ์หลากหลายหรือการใช้งานที่ต้องการการเข้าถึงหลายทิศทาง สามารถเปิดทั้งสองฝั่งเพื่อสะดวกในการจัดเก็บและหยิบอุปกรณ์ได้รวดเร็ว ตู้บานคู่จึงเหมาะสำหรับการใช้งานในโรงงานหรือสถานที่ที่มีการจัดเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องมือจำนวนมาก โดยทั้งสองแบบสามารถเลือกใช้ได้ตามลักษณะและความต้องการของการใช้งาน

ตู้สแตนเลสขายของการเลือกตู้บานเดี่ยวหรือบานคู่ยังขึ้นอยู่กับลักษณะการติดตั้งและการบำรุงรักษา ตู้บานเดี่ยวจะมีการติดตั้งที่ง่ายและไม่ซับซ้อน ซึ่งทำให้การดูแลรักษาและการใช้งานสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ส่วนตู้บานคู่จะให้ความยืดหยุ่นในการใช้งานมากกว่า เพราะสามารถเปิดได้สองฝั่ง ทำให้สะดวกในการเข้าถึงอุปกรณ์ในตู้ สำหรับสถานที่ที่ต้องการพื้นที่เก็บของขนาดใหญ่และเข้าถึงง่าย เช่น ห้องควบคุมไฟฟ้าหรือคลังเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้า ตู้บานคู่จะเหมาะสมมากกว่า ขณะที่ตู้บานเดี่ยวเหมาะสำหรับพื้นที่จำกัดและไม่ต้องการการเข้าถึงหลายทิศทาง

Features of IP55-IP66 Waterproof

  • วัสดุสแตนเลส 304: ช่วยให้ตู้มีความทนทานต่อการกัดกร่อนจากความชื้นและสารเคมี และสามารถใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมที่มีการสัมผัสกับน้ำหรืออากาศที่มีความชื้นสูง
  • การจัดเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้า 2 ชั้น: การออกแบบ 2 ชั้นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดระเบียบและแยกเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น เบรกเกอร์, สวิตช์, ฟิวส์ ฯลฯ ได้อย่างมีระเบียบ การเสียดสีที่อาจทำให้อุปกรณ์เสียหาย
  • การปกป้องอุปกรณ์ไฟฟ้า: ตู้สามารถปกป้องอุปกรณ์ไฟฟ้าจากฝุ่นและความชื้น ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับการใช้งานในระบบไฟฟ้า
  • การติดตั้งและการใช้งาน: ใช้ในอุตสาหกรรม, โรงงาน, หรือสถานที่ที่ต้องการควบคุมและปกป้องอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น การติดตั้งเครื่องจักร, ระบบไฟฟ้าในโรงงาน
  • แตกต่างจากตู้เก็บจานหรือแช่ในครัว: แตกต่างจาก ตู้เก็บจาน หรือ ตู้แช่ในครัว เนื่องจาก ตู้ไฟสแตนเลสสำหรับเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้า ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าและความเสี่ยงจากความร้อนหรือกระแสไฟฟ้า ตู้สำหรับเก็บจานหรือแช่ในครัวจะเน้นที่การเก็บอาหารและสามารถทนความเย็นหรือการสัมผัสกับน้ำเท่านั้น
หมวด สินค้าใกล้เคียง

ตู้ที่ทำจากสแตนเลส ใช้สำหรับบรรจุอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น เบรกเกอร์, สวิตช์, และระบบควบคุมต่างๆ เพื่อป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าจากฝุ่น, น้ำ, ความชื้น, และสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เหมาะสำหรับงานภายนอกอาคารหรือในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการกัดกร่อน เช่น โรงงานอุตสาหกรรมและบริเวณที่มีความชื้นสูง

เคเบิ้ลแกลนกันน้ำ (Waterproof Cable Gland) คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการยึดจับและป้องกันการรั่วซึมของสายไฟที่ผ่านเข้าสู่ภาชนะหรือพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยจากน้ำหรือสิ่งสกปรก โดยส่วนใหญ่จะใช้ในงานที่มีสภาพแวดล้อมที่มีน้ำหรือความชื้นสูง เช่น ระบบไฟฟ้าภายนอกอาคาร หรือในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการสัมผัสน้ำ เช่น เรือ อุตสาหกรรมเคมี หรือโรงงานที่มีการผลิตที่มีความชื้น

หมวด สินค้าที่เกี่ยวข้อง

กระดูกงูร้อยสายไฟ ใช้ในการป้องกันและจัดระเบียบสายไฟ หรือสายเคเบิล ภายในอาคารหรือพื้นที่อุตสาหกรรม โดยมีโครงสร้างที่เป็นรางที่สามารถวางสายไฟได้อย่างปลอดภัยและสะดวก ช่วยให้การติดตั้งสายไฟเป็นระเบียบและง่ายต่อการบำรุงรักษา

ท่อร้อยสายไฟที่ออกแบบเป็นโครงสร้างคล้ายกระดูกงู มีความยืดหยุ่นสูง ใช้สำหรับปกป้องและจัดเก็บสายไฟหรือสายเคเบิลในระบบไฟฟ้าโดยช่วยป้องกันสายไฟจากการเสียดสี การกระแทก และความเสียหายอื่นๆ เหมาะสำหรับการใช้งานในเครื่องจักรหรือระบบที่มีการเคลื่อนไหว

การจัดการพื้นที่ตู้สแตนเลสขายของและความสะดวกในการเข้าถึงอุปกรณ์ไฟฟ้า

การเลือกใช้ตู้บานเดี่ยวหรือบานคู่จะมีผลต่อการจัดการพื้นที่และความสะดวกในการเข้าถึงอุปกรณ์ไฟฟ้า ตู้บานเดี่ยวมักจะมีขนาดกะทัดรัดและเปิดใช้งานง่าย เหมาะสำหรับพื้นที่จำกัดหรือการใช้งานที่ไม่ต้องการเปิด-ปิดบ่อยครั้ง ส่วนตู้บานคู่เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการการเข้าถึงอุปกรณ์ในลักษณะของการจัดเก็บที่สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น โดยสามารถเปิดทั้งสองฝาเพื่อการเข้าถึงได้จากทั้งสองด้าน การเลือกประเภทตู้ที่เหมาะสมควรพิจารณาจากความต้องการในการใช้งาน ความปลอดภัย และการจัดการพื้นที่ในแต่ละสถานที่ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขนาดของรูสำหรับใส่สายไฟ (Cable Range or Entry hole)

การวัดขนาดของตู้ไฟฟสแตนเลส (Diameter)

การวัดขนาดอย่างละเอียดจะช่วยให้การติดตั้งและการใช้งานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถรองรับอุปกรณ์หรือการใช้งานต่างๆ ได้อย่างพอดีและปลอดภัย.

  • ความกว้าง (Width): วัดจากขอบด้านหน้าไปยังขอบด้านหลังของตู้ (จากด้านหน้าไปด้านหลัง)
  • ความสูง (Height): วัดจากพื้นถึงยอดของตู้ (จากล่างสุดไปด้านบนสุด)
  • ความลึก (Depth): วัดจากด้านหน้าของตู้ถึงด้านหลัง (มักจะใช้เมื่อต้องการตรวจสอบความลึกของช่องภายในตู้
  • ขนาดของช่องเปิด (Door Opening Size): หากต้องการทราบขนาดของช่องที่เปิดปิดได้ ควรวัดจากขอบบานประตูด้านหนึ่งถึงขอบอีกด้าน
  • ขนาดของแผงภายใน: หากต้องการติดตั้งอุปกรณ์ภายในตู้ ควรตรวจสอบพื้นที่การติดตั้งโดยการวัดช่องว่างระหว่างแผงหรือชั้นภายในตู้
รูปแบบการสั่งผลิตตู้เก็บของสแตนเลส 304 & 316L
 
  • ปรับแต่งขนาดและรูปทรง: ภาพแสดงให้เห็นว่าตู้ไฟฟ้าสแตนเลสสามารถปรับเปลี่ยนขนาดและรูปทรงได้ตามต้องการ เพื่อให้เหมาะสมกับพื้นที่และการใช้งาน
  • เลือกวัสดุ: สามารถเลือกวัสดุที่ใช้ผลิตตู้ไฟได้ เช่น สแตนเลสเกรดต่างๆ ซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในการใช้งาน
  • เลือกประเภทของบานประตู: สามารถเลือกประเภทของบานประตูได้ เช่น บานประตูทึบ บานประตูที่มีช่องระบายอากาศ หรือบานประตูที่มีหน้าต่าง
  • เลือกอุปกรณ์เสริม: สามารถเลือกอุปกรณ์เสริมต่างๆ ได้ เช่น กุญแจ มือจับ บานพับ หรือชั้นวางของ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน
  • เลือกสี: สามารถเลือกสีได้ตามต้องการ เพื่อให้เข้ากับการตกแต่ง
  • เลือกตำแหน่งและขนาดของรูเจาะ: สามารถกำหนดตำแหน่งและขนาดของรูเจาะสำหรับเดินสายไฟหรือติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ได้
สามารถออกแบบตู้ Stainless ให้ตรงกับขนาดและฟังก์ชันการใช้งานที่ต้องการได้อย่างเฉพาะเจาะจงวัสดุคุณภาพสูง: สามารถเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูงเพื่อให้ได้ที่แข็งแรง ทนทาน และมีอายุการใช้งานยาวนาน

การเลือกใช้ตู้สแตนเลสบานเดี่ยวหรือบานคู่ขึ้นอยู่กับความสะดวกในการใช้งาน

การเลือกตู้สแตนเลสขายของ ตู้บานเดี่ยวหรือบานคู่ขึ้นอยู่กับความสะดวกในการใช้งานและพื้นที่ในการติดตั้ง หากต้องการพื้นที่เก็บของที่เข้าถึงง่ายและสะดวก บานคู่จะเหมาะสมกว่าเพราะสามารถเปิดได้ทั้งสองฝั่ง การเปิดบานคู่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการหยิบหรือจัดเก็บอุปกรณ์โดยไม่ต้องย้ายสิ่งของอื่นๆ ออกจากตู้ ขณะที่บานเดี่ยวจะเหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่จำกัดหรือเมื่ออุปกรณ์ภายในไม่มาก และต้องการการปิดที่กระชับเพื่อป้องกันฝุ่นและน้ำเข้าภายใน ซึ่งทั้งสองแบบมีข้อดีในการใช้งานที่แตกต่างกัน

ตารางเปรียบเทียบระหว่าง บานเปิดเดี่ยว และ บานเปิดคู่ตู้สแตนเลสขายของ

ตู้สแตนเลสเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้า การติดตั้งและการใช้งานในพื้นที่ต่างๆ

ผู้ใช้งานสามารถเลือก อุปกรณ์เสริม

ตัวอย่างการใช้งานตู้สแตนเลสเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้า

ตู้สแตนเลสสำหรับเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้า 2 ชั้นที่ทำจากวัสดุสแตนเลส 304 ถูกออกแบบมาเพื่อการจัดเก็บและปกป้องอุปกรณ์ไฟฟ้าในสภาพแวดล้อมที่มีความต้องการความทนทานสูง เช่น โรงงานอุตสาหกรรมหรือพื้นที่ที่มีการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าหลายชนิด ตู้ประเภทนี้มักมีคุณสมบัติกันน้ำ (IP55, IP66) และสามารถป้องกันฝุ่นหรือสิ่งสกปรกจากภายนอกได้ดี จึงเหมาะสำหรับการจัดเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ตู้คอนโทรลไฟฟ้า, แผงวงจรไฟฟ้า, และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ที่ต้องการความปลอดภัยสูงจากความชื้นและสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ

ตู้ไฟสแตนเลสเหล่านี้แตกต่างจากตู้เก็บจานหรือตู้แช่ในครัวเนื่องจากมีการออกแบบที่แข็งแรงทนทานกว่าเพื่อรองรับน้ำหนักและสภาพการใช้งานที่รุนแรงกว่า อีกทั้งยังมีการจัดเก็บอุปกรณ์ที่มีการเชื่อมต่อไฟฟ้า ซึ่งต้องการการป้องกันที่มากกว่าตู้เก็บของทั่วไปในครัวที่ไม่ต้องรองรับแรงกระแทกหรือสารเคมีจากการใช้งานไฟฟ้า

  • โรงงานอุตสาหกรรม: ใช้สำหรับเก็บและจัดระเบียบอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักร เช่น ตู้ควบคุมไฟฟ้า, คอนโทรลเลอร์, หรือแผงวงจรไฟฟ้า เพื่อลดความเสี่ยงจากการสัมผัสกับความชื้นและฝุ่นในสภาพแวดล้อมที่มีการทำงานหนัก
  • การติดตั้งระบบไฟฟ้าในอาคารพาณิชย์: ใช้สำหรับติดตั้งและเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ระบบแสงสว่าง, เครื่องควบคุมอุณหภูมิ หรือระบบรักษาความปลอดภัย เพื่อการจัดระเบียบที่มีความปลอดภัยและสะดวกในการเข้าถึง
  • ห้องควบคุมไฟฟ้า: ตู้สแตนเลสขายของนี้เหมาะสำหรับการจัดเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้าในห้องที่ต้องการความทนทานต่ออุณหภูมิสูงและความชื้น เช่น ห้องคอนโทรลระบบไฟฟ้า หรือห้องเก็บอุปกรณ์สำรองไฟ
  • โครงการก่อสร้าง: ในการเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้าใช้ในพื้นที่ก่อสร้างที่มีความเสี่ยงสูงจากการโดนฝุ่นและสารเคมี เช่น ในการจัดเก็บเครื่องมือหรือแผงวงจรไฟฟ้าในการติดตั้งไฟฟ้าของโครงการ
  • ศูนย์ควบคุมการจ่ายไฟ: ใช้ในศูนย์ควบคุมไฟฟ้าหรือสถานีไฟฟ้าย่อย เพื่อจัดระเบียบและเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต้องการความปลอดภัยจากฝุ่นหรือการสัมผัสโดยตรง
  • ระบบการจัดการพลังงาน: ใช้ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการพลังงาน เช่น ระบบแผงโซลาร์เซลล์ หรือสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้า ซึ่งต้องมีการจัดเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างเป็นระเบียบเพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ตารางเปรียบเทียบระหว่าง บานเปิดเดี่ยว และ บานเปิดคู่ตู้สแตนเลสขายของ

คุณสมบัติตู้บานเดี่ยวตู้บานคู่
การเข้าถึงเข้าถึงได้ง่ายจากด้านเดียวเข้าถึงได้จากสองด้าน
การใช้งานพื้นที่ใช้พื้นที่น้อย เหมาะกับพื้นที่จำกัดใช้พื้นที่มากกว่า เหมาะสำหรับพื้นที่กว้าง
การบำรุงรักษาง่ายต่อการบำรุงรักษาและซ่อมแซมอาจต้องการการบำรุงรักษามากกว่า
เหมาะกับอุปกรณ์ขนาดเล็กใช้ได้ดีสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดเล็กถึงกลางเหมาะกับอุปกรณ์ขนาดใหญ่หรือหลายอุปกรณ์
ความทนทานทนทานแต่มีพื้นที่เปิดแค่ด้านเดียวทนทานและสามารถเปิดได้ทั้งสองด้าน

ตู้สแตนเลสเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้า การติดตั้งและการใช้งานในพื้นที่ต่างๆ

บานเดี่ยวและบานคู่ยังแตกต่างในเรื่องของการติดตั้งและการใช้งานในพื้นที่ต่างๆ โดยตู้บานเดี่ยวเหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีขนาดไม่ใหญ่ หรือพื้นที่จำกัด เพราะสามารถเปิดใช้งานได้ง่ายและสะดวกเพียงหนึ่งด้าน ในขณะที่ตู้บานคู่เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการเข้าถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือเครื่องมือหลายรายการพร้อมๆ กัน โดยสามารถเปิดฝาทั้งสองข้างเพื่อการจัดการที่สะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถจัดเก็บอุปกรณ์ได้ในปริมาณที่มากกว่าและมีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากขึ้น สำหรับทั้งสองประเภท ควรพิจารณาการเลือกวัสดุและฟังก์ชันการใช้งานที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและประเภทของอุปกรณ์ที่เก็บ

การเลือกใช้ตู้บานเดี่ยวหรือบานคู่ขึ้นอยู่กับการใช้งานและความสะดวกในการเข้าถึงอุปกรณ์ไฟฟ้า หากต้องการการเข้าถึงแบบรวดเร็วและบ่อยครั้ง ตู้บานคู่จะเหมาะสมกว่า เนื่องจากสามารถเปิดทั้งสองด้านเพื่อเข้าถึงอุปกรณ์ได้อย่างสะดวกมากขึ้น แต่ถ้าพื้นที่มีขนาดจำกัดและต้องการความเรียบง่าย ตู้บานเดี่ยวจะเป็นตัวเลือกที่ดีเพราะเปิดใช้งานได้ง่ายและประหยัดพื้นที่

การตัดสินใจเลือกประเภทของตู้บานเดี่ยวหรือบานคู่ยังต้องคำนึงถึงการใช้งานที่เฉพาะเจาะจง เช่น หากต้องการเก็บอุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่หรือต้องการความปลอดภัยในระดับสูง ตู้บานคู่จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า เนื่องจากสามารถจัดเก็บและรักษาความปลอดภัยได้ดีกว่า ตู้สแตนเลสขายของบานเดี่ยวเหมาะสำหรับการเก็บของที่ไม่จำเป็นต้องเข้าถึงบ่อยครั้งและมีขนาดเล็ก

ประเภทของอุปกรณ์ตู้สแตนเลสขายของและสภาพแวดล้อมในการใช้งาน

สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือประเภทของอุปกรณ์และสภาพแวดล้อมในการใช้งาน หากการใช้งานในพื้นที่จำกัด ตู้บานเดี่ยวอาจจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากใช้พื้นที่น้อยกว่า และสามารถเปิดใช้งานได้ง่ายในกรณีที่พื้นที่มีข้อจำกัดทางด้านขนาด ขณะที่ตู้บานคู่เหมาะกับการเก็บอุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่หรือในกรณีที่ต้องการการเข้าถึงหลายจุดในเวลาเดียวกัน อีกปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงคือเรื่องของการบำรุงรักษา ตู้บานคู่อาจต้องการการดูแลรักษามากกว่า เนื่องจากมีระบบบานที่ซับซ้อนกว่า และอาจมีความเสี่ยงที่บานจะเสียหายเมื่อใช้ไปนานๆ ในขณะที่ตู้บานเดี่ยวจะมีความเรียบง่ายในการใช้งานและบำรุงรักษามากกว่า ซึ่งทำให้เหมาะกับการใช้งานที่ไม่ซับซ้อนมากนัก ทั้งนี้ การเลือกใช้งานระหว่างตู้บานเดี่ยวและบานคู่จึงต้องพิจารณาความเหมาะสมตามความต้องการใช้งานและสภาพแวดล้อมอย่างรอบคอบ

ผู้ใช้งานสามารถเลือก อุปกรณ์เสริม

การสั่งผลิตตู้สแตนเลส ตามขนาดและอุปกรณ์เสริม เป็นกระบวนการที่สามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของแต่ละลูกค้า โดยสามารถปรับรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ขนาดของตู้, วัสดุที่ใช้, และฟังก์ชันเสริมต่าง ๆ ที่ต้องการ ดังนี้:

  1. การเลือกขนาดของตู้:ลูกค้าสามารถระบุขนาดที่ต้องการสำหรับตู้ เช่น ความสูง, ความกว้าง, และความลึก เพื่อให้ตรงกับพื้นที่และการใช้งานขนาดที่เหมาะสมจะช่วยให้สามารถติดตั้งอุปกรณ์ได้อย่างสะดวกและมีพื้นที่เพียงพอสำหรับการขยายในอนาคต

  2. วัสดุที่ใช้ในการผลิต:สามารถเลือกวัสดุที่เหมาะสมตามความต้องการของสภาพแวดล้อม เช่น สแตนเลส สำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่ต้องการทนทานต่อการกัดกร่อนหรือสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงวัสดุอื่น ๆ เช่น เหล็กเคลือบสี หรือ อลูมิเนียม ก็สามารถใช้ได้ตามความเหมาะสม

อุปกรณ์เสริม:

  • ระบบระบายอากาศ: สามารถเพิ่มช่องระบายอากาศ(ตีบานเกล็ด)หรือติดตั้งพัดลมระบายความร้อนในตู้เพื่อป้องกันการสะสมความร้อนจากอุปกรณ์ไฟฟ้า
  • การออกแบบหลังคาเชื่อมและหลังคาสโลป สามารถทำได้ตามความต้องการของการใช้งานและสภาพแวดล้อมที่ต้องการใช้งาน ซึ่งทั้งสองประเภทมีลักษณะการออกแบบที่แตกต่างกัน
  • เจะารเจาะรูเข้าสายไฟการเจาะรูในตู้ไฟฟ้าช่วยให้สามารถเชื่อมต่อสายไฟจากภายนอกเข้าไปภายในตู้ได้อย่างสะดวกและปลอดภัย

หมวด สินค้าประจำหมวด

Cable Gland ทั้ง 3 วัสดุ: สแตนเลส, ทองเหลืองชุบนิกเกิล, และพลาสติก โดยสแตนเลส (Stainless Steel) เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนและการเสื่อมสภาพ เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมอาหาร ขณะที่ทองเหลืองชุบนิกเกิล (Nickel Plated Brass) มีความแข็งแรงและทนทานต่อการกัดกร่อน ทำให้เหมาะสำหรับงานไฟฟ้าที่ต้องการความทนทานสูง เช่น ระบบไฟฟ้าทั่วไปและงานที่มีแรงดันไฟฟ้าสูง ส่วนพลาสติก (Plastic) เช่น PA66 หรือ Nylon 6/6 ทนต่อสารเคมีและการกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อมภายนอก ใช้งานได้ดีในอุตสาหกรรมทั่วไปที่ไม่สัมผัสกับสารเคมีที่รุนแรง ทั้งสามวัสดุนี้เหมาะกับการเลือกใช้ในงานที่มีความต้องการพิเศษตามสภาพแวดล้อมต่างๆ

อธิบายสรุป ตู้สแตนเลสขายของ ตู้เก็บอุปกรณ์ไฟฟ้า ที่ทำจากวัสดุสแตนเลส 304 เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรมและการติดตั้งระบบไฟฟ้า โดยช่วยจัดเก็บและปกป้องอุปกรณ์ไฟฟ้าจากความชื้น ฝุ่น และอุณหภูมิสูง รวมทั้งมีความทนทานและอายุการใช้งานยาวนาน ตู้ชนิดนี้มีความแตกต่างจากตู้เก็บจานหรือตู้แช่ในครัว เนื่องจากการออกแบบเน้นการปกป้องอุปกรณ์ไฟฟ้าจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อมภายนอกและการใช้งานในเชิงอุตสาหกรรม

Scroll to Top