สยามร่วมค้า | ศูนย์รวมอุปกรณ์ป้องกันสายไฟและท่ออุตสาหกรรมมาตรฐานสากล

เคเบิ้ลแกลน
Cable gland IP68

เคเบิ้ลแกลน (Cable Gland) คือ อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับยึดหรือยึดจับสายไฟหรือลวดเคเบิ้ลให้เข้าที่ และป้องกันไม่ให้สายไฟหลุดหรือได้รับความเสียหาย โดยส่วนใหญ่จะใช้ในงานติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าและงานระบบสายไฟ เพื่อให้แน่ใจว่าสายไฟจะคงทนต่อการใช้งานและไม่เกิดปัญหาเมื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน เช่น ความชื้น ฝุ่น ความร้อน หรือสารเคมี โดยมีหลายหลายประเภท เช่น พลาสติก สแตนเลส ทองเหลือง และยังมีหลายเกลียว เช่น NPT, M-Type ตามมาตรฐานการใช้งาน

" เคเบิ้ลแกลน Cable gland IP68 "

จำหน่ายท่อเฟล็กซ์อ่อน และท่ออ่อนร้อยสายไฟ PA/PE คุณภาพสูง

หากคุณกำลังมองหาทางออกสำหรับการปกป้องสายไฟและจัดการระบบเดินสายไฟที่มีประสิทธิภาพ ท่อร้อยสายไฟ PA/PE คือคำตอบที่ดีที่สุด! ท่อเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นของวัสดุ PA (Polyamide) และ PE (Polyethylene) ที่ทั้งทนทานและยืดหยุ่น ท่ออ่อนเหล่านี้สามารถใช้ได้ทั้งในงานภายในอาคารและกลางแจ้ง ด้วยคุณสมบัติทน UV และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงที่สายไฟจะเสียหาย สินค้าของเรามีหลากหลายขนาดและความยาว รองรับการใช้งานตั้งแต่ระดับครัวเรือนไปจนถึงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เลือกท่ออ่อน PA/PE คุณภาพสูงจากเรา แล้วคุณจะได้ทั้งประสิทธิภาพและความคุ้มค่า

สินค้าจัดรายการ🖱️

เคเบิ้ลแกลนสแตนเลส 304 IP68 (M20)

SKU: 5804

ส่วนลดพิเศษ

สอบถาม (……) ฿   ราคาปกติ 370 ฿
  • สามารถใช้งานได้ในช่วงอุณหภูมิ -40°C ถึง +100°C และสามารถทนความร้อนได้สูงถึง 120°C
  • ผลิตจากสแตนเลสเกรด 304 ซึ่งมีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อน
  • มาพร้อมกับซีลและโอริงที่ทำจากวัสดุ NBR ซึ่งช่วยป้องกันการรั่วซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติทนไฟตามมาตรฐาน HB (เกรด L94)

สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา

จำหน่ายเคเบิ้ลแกลน IP68 (Cable gland)

Cable gland stainless steel 304/316L
✅ ผลิตจากสแตนเลสเกรดคุณภาพ แข็งแรง ทนต่อการกัดกร่อน
✅ ทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น ความชื้นสูง หรือสารเคมี
✅ มาตรฐาน IP68 ป้องกันน้ำและฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
💡 เหมาะสำหรับ: ระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม และงานกลางแจ้ง

Cable gland nickel plated brass
✅ โครงสร้างทำจากทองเหลืองชุบด้วยนิกเกิ้ล ทนต่อสนิมและการกัดกร่อน
✅ ใช้งานง่าย รองรับเกลียวหลายประเภท เช่น PG, NPT, และ M-Thread
✅ มาตรฐาน IP68 ให้การปกป้องสูงสุดในทุกสภาพแวดล้อม
💡 เหมาะสำหรับ: งานติดตั้งสายไฟในอาคาร โรงงาน และพื้นที่ที่ต้องการความทนทาน

สั่งซื้อวันนี้!  พร้อมจัดส่งทั่วประเทศในราคาพิเศษ!

คุณสมบัติของเคเบิ้ลแกลนด์กันน้ำ IP68

คุณสมบัติที่โดดเด่นในการป้องกันน้ำและฝุ่นในระดับสูงสุด ซึ่งช่วยให้การเชื่อมต่อสายไฟฟ้ามีความปลอดภัยและเชื่อถือได้ ในหลากหลายสภาพแวดล้อม คุณสมบัติหลักของ Cable gland IP68 การป้องกันฝุ่นเข้าอย่างสมบูรณ์และการป้องกันน้ำเข้า ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงหรือใต้น้ำ

ความทนทานต่อการกัดกร่อน (Corrosion Resistance)

  • พลาสติก PA66 (Polyamide 66) คุณสมบัติ: ทนทานต่อสารเคมีหลายชนิดและไม่เป็นสนิม จึงไม่เกิดการกัดกร่อนการใช้งาน: เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่มีสารเคมีทั่วไป 
  • ทองเหลือง (Brass) คุณสมบัติ: ทนทานต่อการกัดกร่อนในสภาพแวดล้อมทั่วไปและมีความคงทนสูงเมื่อใช้ในพื้นที่ที่ไม่เป็นกรดหรือด่างรุนแรง การใช้งาน: เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมทั่วไป เช่น การเดินสายไฟในอาคารและอุตสาหกรรมทั่วไป
  • สแตนเลส (Stainless Steel) คุณสมบัติ: ทนทานต่อการกัดกร่อนสูงสุด ทนทานต่อสารเคมีรุนแรง น้ำเกลือ และความชื้นสูงการใช้งาน: เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง สภาพแวดล้อมที่มีสารเคมีรุนแรง และอุตสาหกรรมทะเล
หมวด สินค้าใกล้เคียง

ตู้ที่ทำจากสแตนเลส ใช้สำหรับบรรจุอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น เบรกเกอร์, สวิตช์, และระบบควบคุมต่างๆ เพื่อป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าจากฝุ่น, น้ำ, ความชื้น, และสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เหมาะสำหรับงานภายนอกอาคารหรือในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการกัดกร่อน เช่น โรงงานอุตสาหกรรมและบริเวณที่มีความชื้นสูง

เคเบิ้ลแกลนกันน้ำ (Waterproof Cable Gland) คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการยึดจับและป้องกันการรั่วซึมของสายไฟที่ผ่านเข้าสู่ภาชนะหรือพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยจากน้ำหรือสิ่งสกปรก โดยส่วนใหญ่จะใช้ในงานที่มีสภาพแวดล้อมที่มีน้ำหรือความชื้นสูง เช่น ระบบไฟฟ้าภายนอกอาคาร หรือในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการสัมผัสน้ำ เช่น เรือ อุตสาหกรรมเคมี หรือโรงงานที่มีการผลิตที่มีความชื้น

หมวด สินค้าที่เกี่ยวข้อง

กระดูกงูร้อยสายไฟ ใช้ในการป้องกันและจัดระเบียบสายไฟ หรือสายเคเบิล ภายในอาคารหรือพื้นที่อุตสาหกรรม โดยมีโครงสร้างที่เป็นรางที่สามารถวางสายไฟได้อย่างปลอดภัยและสะดวก ช่วยให้การติดตั้งสายไฟเป็นระเบียบและง่ายต่อการบำรุงรักษา

ท่อร้อยสายไฟที่ออกแบบเป็นโครงสร้างคล้ายกระดูกงู มีความยืดหยุ่นสูง ใช้สำหรับปกป้องและจัดเก็บสายไฟหรือสายเคเบิลในระบบไฟฟ้าโดยช่วยป้องกันสายไฟจากการเสียดสี การกระแทก และความเสียหายอื่นๆ เหมาะสำหรับการใช้งานในเครื่องจักรหรือระบบที่มีการเคลื่อนไหว

การเลือก Cable gland และวัสดุที่เหมาะสมสำหรับการติดตั้ง

การเลือกวัสดุที่เหมาะสมสำหรับการติดตั้งเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การติดตั้งมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยต้องพิจารณาสภาพแวดล้อมที่เคเบิ้ลจะถูกใช้งาน เช่น ความชื้น อุณหภูมิ และความเสี่ยงจากสารเคมี หากติดตั้งในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง ควรเลือกที่ทำจากวัสดุที่ทนต่อน้ำและมีการป้องกันการกัดกร่อน เช่น สแตนเลสหรือทองเหลืองชุบนิกเกิ้ล ในขณะที่ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง ควรเลือกวัสดุที่มีความทนทานต่อความร้อน นอกจากนี้ ต้องตรวจสอบขนาดของสายไฟหรือสายเคเบิลที่ต้องการใช้งาน เพื่อให้เหมาะสมกับขนาด Cable Range และต้องคำนึงถึงการป้องกันการเข้าถึงของฝุ่นและสารเคมีที่อาจส่งผลกระทบต่อสายไฟ การเลือกพร้อมซีลยาง ซีลยางที่ดีจะช่วยลดโอกาสในการเกิดความเสียหายและยืดอายุการใช้งานของระบบไฟฟ้าให้ยาวนานขึ้น การตรวจสอบสเปคและคำแนะนำจากผู้ผลิตก็เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการติดตั้ง

ขนาดของรูสำหรับใส่สายไฟ (Cable Range or Entry hole)

การวัดขนาดของเคเบิ้ลแกลน (Diameter)

โดยทั่วไปแล้ว ขนาดที่เราต้องพิจารณาในการเลือกเคเบิ้ลแกลน มี 2 ขนาดหลัก คือ

  1. ขนาดของรูสำหรับใส่สายไฟ (Cable Range or Entry hole): คือขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของรูที่เจาะไว้สำหรับสอดสายไฟเข้าไป ซึ่งขนาดนี้จะต้องใหญ่กว่าขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกของสายไฟเล็กน้อย เพื่อให้สามารถสอดสายไฟเข้าไปได้อย่างสะดวกและแน่นหนา
  2. ขนาดของเกลียว (Thread Size): คือขนาดของเกลียวที่ใช้ยึดเข้ากับตัวเครื่องหรือกล่องควบคุม ซึ่งขนาดนี้จะต้องตรงกับขนาดของเกลียวที่เจาะไว้บนตัวเครื่องหรือกล่องควบคุม
  • GL (Thread Rang): ขนาดความยาวของเกลียว
  • AG (Thread Size): ขนาดของเกลียวที่เข้ากับอุปกรณ์หรือรูเจาะ
 

ขั้นตอนการติดตั้งเคเบิ้ลแกลน (Cable Gland)

ขั้นตอนที่ 1: ตรวจสอบเกลียวของอุปกรณ์ เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบว่าอุปกรณ์ที่จะติดตั้งมีการ ต๊าปเกลียว หรือยัง หากมี ควรตรวจสอบประเภทและขนาดของเกลียว เช่น PG (PG7, PG9, PG21), M (M20, M25, M40) หรือ NPT (NPT1/2”, NPT3/4”) เพื่อให้แน่ใจว่าสอดคล้องกับที่จะใช้

ขั้นตอนที่ 2: วัดขนาดรูเส้นผ่านศูนย์กลาง ใช้เครื่องมือวัด เช่น เวอร์เนียร์หรือไม้บรรทัด วัดขนาดรูเส้นผ่านศูนย์กลางของอุปกรณ์ที่ต้องการติดตั้ง ตรวจสอบว่าขนาดของรูตรงกับที่กำหนดไว้ในเอกสารคู่มือ

ขั้นตอนที่ 3: ตรวจสอบขนาดสายไฟหรือสายเคเบิ้ล พิจารณาขนาดสายไฟหรือสายเคเบิ้ลที่ต้องการเข้าสาย โดยเปรียบเทียบกับช่วงขนาดที่รองรับ (Cable Range) หากสายเล็กหรือใหญ่เกินไป อาจทำให้ติดตั้งไม่แน่นหนา หรือมีโอกาสเกิดการรั่วซึม

ขั้นตอนที่ 4: ติดตั้งสายเคเบิ้ลและขันเกลียว ใส่สายเคเบิ้ลเข้าไปในเคเบิลแกลนอย่างระมัดระวัง ป้องกันการฉีกขาดหรือเสียหาย จากนั้นทำการ ขันเกลียวให้แน่น จนรู้สึกว่าสายเคเบิ้ลอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคง แต่ระวังอย่าขันแน่นจนเกินไป เพราะอาจทำให้สายเสียหาย

การเลือกขนาดและประเภทของเกลียวที่เหมาะสม

การเลือกขนาดและประเภทของเกลียวที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการติดตั้งเพราะแต่ละประเภทของเกลียวมีลักษณะเฉพาะตัวที่เหมาะสมกับอุปกรณ์ไฟฟ้าและสายเคเบิลที่แตกต่างกัน เช่น เกลียว PG ใช้สำหรับการติดตั้งในอุตสาหกรรมทั่วไป ขณะที่เกลียว M เป็นมาตรฐานสากลที่ใช้ในอุปกรณ์ไฟฟ้าหลายประเภท ส่วน NPT เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความทนทานในการป้องกันน้ำและฝุ่น นอกจากนี้ ขนาดเกลียวที่เหมาะสมยังช่วยลดปัญหาการรั่วซึมและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน การเลือกขนาดเกลียวที่ถูกต้องยังมีผลต่อการยึดติดสายเคเบิลอย่างมั่นคง หากเกลียวไม่พอดีกับขนาดของช่องที่ติดตั้ง อาจทำให้เกิดช่องว่างหรือการยึดไม่แน่น ซึ่งจะส่งผลต่อการป้องกันน้ำและฝุ่นจากการเข้าไปภายในอุปกรณ์ไฟฟ้า นอกจากนี้ ขนาดเกลียวที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้การติดตั้งยุ่งยากและเกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ได้ การตรวจสอบขนาดเกลียวให้พอดีกับมาตรฐานที่ใช้จึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งาน

การเลือกใช้คเบิ้ลแกลนในงานไฟฟ้า

(IP Rating): ควรเลือกเคเบิ้ลแกลนที่มีค่ามาตรฐาน IP68

การติดตั้งและจัดระเบียบระบบสายไฟในหลายๆ สถานที่

การเลือกวัสดุสำหรับการใช้งานในแต่ละอุตสาหกรรม

การเลือกวัสดุในแต่ละอุตสาหกรรมสำหรับการใช้งานเคเบิ้ลแกลน (Cable Gland) เป็นเรื่องสำคัญที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบตามลักษณะงานและสภาพแวดล้อมที่ใช้งาน เนื่องจากวัสดุแต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ซึ่งจะมีผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้งาน:

  1. ทองเหลืองชุบนิกเกิ้ล (Nickel Plated Brass): เหมาะสำหรับงานไฟฟ้าที่ต้องการความแข็งแรงและทนทานต่อการกัดกร่อน ใช้ในระบบไฟฟ้าที่มีแรงดันสูงหรือในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือการเสื่อมสภาพสูง
  2. สแตนเลส (Stainless Steel): ทนทานต่อการกัดกร่อนจากสารเคมีและการสึกกร่อน เหมาะสำหรับงานในอุตสาหกรรมที่ต้องเผชิญกับสารเคมีหรือสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมีหรืออาหาร
  3. พลาสติก (Plastic, PA66): วัสดุที่เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมทั่วไปที่ไม่สัมผัสกับสารเคมีที่รุนแรง มีความทนทานต่อการกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อมภายนอก

การเลือกวัสดุที่เหมาะสมจะช่วยให้การติดตั้งมีประสิทธิภาพสูงสุดและปลอดภัย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในอุตสาหกรรมไฟฟ้าที่ต้องการความเสถียรและการป้องกันสายไฟจากการกัดกร่อนและความเสียหาย ในแต่ละอุตสาหกรรมสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและอายุการใช้งานของอุปกรณ์ได้ ตัวเลือกที่นิยมมากที่สุด ได้แก่ ทองเหลืองชุบนิกเกิ้ลที่ทนทานต่อการกัดกร่อน, สแตนเลสที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง, และพลาสติกที่ใช้งานในสภาพแวดล้อมทั่วไป การเลือกวัสดุที่ถูกต้องช่วยให้ระบบไฟฟ้ามีความปลอดภัยและมั่นคงมากขึ้น

ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและซ่อมแซมในระยะยาว เนื่องจากวัสดุที่ทนทานจะป้องกันการเสื่อมสภาพจากสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น ความชื้น, สารเคมี หรืออุณหภูมิที่สูง นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการติดตั้งและใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น โดยการเลือกวัสดุที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในงานไฟฟ้าหรือการสื่อสารที่ต้องการความปลอดภัยและการป้องกันที่ดี

การเลือกใช้วัสดุในงานไฟฟ้าขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม

 

การเลือกใช้วัสดุในงานไฟฟ้าขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและลักษณะการใช้งานที่เฉพาะเจาะจง โดยวัสดุแต่ละประเภทมีข้อดีที่แตกต่างกัน:

  • ทองเหลืองชุบนิกเกิ้ล: เหมาะสำหรับการใช้งานในระบบไฟฟ้าที่ต้องการการนำไฟฟ้าที่ดีและความทนทานต่อการกัดกร่อน ใช้ในตู้ควบคุมไฟฟ้าในสภาพแวดล้อมแห้ง เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้าภายในอาคารหรือโรงงานทั่วไป
  • สแตนเลส: ทนทานต่อการกัดกร่อนจากน้ำและสารเคมี ใช้ในระบบไฟฟ้าที่ต้องการความสะอาด เช่น ในอุตสาหกรรมอาหารและยา สถานที่ที่มีความชื้นสูงหรือสารเคมีต้องได้รับการป้องกันอย่างเข้มงวด
  • พลาสติก: เหมาะสำหรับการใช้งานในบ้านหรือสำนักงาน เนื่องจากมีน้ำหนักเบาและทนต่อความชื้น แต่ไม่สามารถรองรับความทนทานจากแรงหรือสภาพแวดล้อมที่หนักหน่วงมากนัก

การเลือกวัสดุสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมไฟฟ้า ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและข้อกำหนดในการใช้งาน:

  • ทองเหลืองชุบนิกเกิ้ล: เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมแห้ง เช่น ตู้ควบคุมไฟฟ้า เนื่องจากทนทานต่อการกัดกร่อนและนำไฟฟ้าได้ดี
  • สแตนเลส: ใช้ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือสารเคมี เช่น อุตสาหกรรมอาหารและยา เพราะทนทานต่อการกัดกร่อนและรักษาความสะอาด
  • พลาสติก: เหมาะสำหรับการใช้งานในบ้านหรือสำนักงาน เนื่องจากน้ำหนักเบาและทนต่อความชื้น แม้จะไม่ทนทานเท่าวัสดุโลหะ

การเลือกที่มีค่ามาตรฐาน IP68

ค่ามาตรฐาน IP68 หรือสูงกว่านั้นสำคัญมากสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการสัมผัสกับน้ำหรือฝุ่นละออง ค่ามาตรฐาน IP68 สามารถป้องกันฝุ่นและน้ำได้อย่างสมบูรณ์ แม้จะจมน้ำลึกถึง 1 เมตรในระยะเวลา 30 นาที ดังนั้น ค่ามาตรฐาน IP68 จึงสามารถเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้งานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากการสัมผัสน้ำหรือฝุ่นละออง เช่น ในอุตสาหกรรมที่ต้องทำงานในพื้นที่กลางแจ้งหรือที่มีความชื้นสูง

ยังช่วยให้การติดตั้งในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงจากการสัมผัสน้ำหรือสารเคมีเป็นไปอย่างปลอดภัย โดยสามารถป้องกันการรั่วซึมของน้ำหรือฝุ่นที่อาจทำให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในกล่อง นอกจากนี้ คุณสมบัติป้องกันน้ำและฝุ่นอย่างมีประสิทธิภาพยังช่วยเพิ่มอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้า ลดความจำเป็นในการซ่อมบำรุง และประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ต้องสัมผัสกับความชื้นสูงเช่น ในอุตสาหกรรมเคมี อุตสาหกรรมอาหาร หรือการใช้งานกลางแจ้งในที่ที่มีฝุ่นละอองและน้ำฝน การป้องกันน้ำและฝุ่นช่วยให้ระบบไฟฟ้ามีความเสถียรและปลอดภัย โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการรั่วไหลของน้ำหรือการสะสมของสิ่งสกปรกภายในอุปกรณ์ไฟฟ้า.

การป้องกันไฟฟ้าช็อตเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้การใช้เคเบิลแกลน

ในระบบไฟฟ้าเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อยึดสายไฟให้แน่นและมั่นคง มันจะช่วยป้องกันการหลุดหลวมของสายไฟ ซึ่งอาจทำให้เกิดการสัมผัสระหว่างสายไฟและส่วนอื่นๆ ของอุปกรณ์ที่เป็นโลหะ หรืออาจเกิดการลัดวงจรและไฟฟ้าช็อตได้ นอกจากนี้ การจัดระเบียบสายไฟที่ดีช่วยให้สามารถตรวจสอบและบำรุงรักษาได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีการใช้งานเครื่องจักรหนักหรือสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง การใช้งานยังช่วยยืดอายุการใช้งานของสายไฟได้ด้วยการป้องกันการเสื่อมสภาพจากสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น ความชื้นสูง การสัมผัสกับสารเคมี หรือการขีดข่วนจากการเคลื่อนย้าย ทำให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างต่อเนื่องและปลอดภัย นอกจากนี้ ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา เนื่องจากลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาที่อาจต้องซ่อมแซมบ่อยครั้ง.

การติดตั้งและจัดระเบียบระบบสายไฟในหลายๆ สถานที่

ในการติดตั้งและจัดระเบียบระบบสายไฟในหลายๆ สถานที่ เนื่องจากสามารถป้องกันการรั่วซึมของน้ำ ฝุ่นละออง และการกัดกร่อนจากสารเคมี ซึ่งทำให้ระบบไฟฟ้ามีความปลอดภัยและเสถียร โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือสภาพอากาศที่รุนแรง เช่น โรงงาน อุตสาหกรรม ห้องคอมพิวเตอร์ หรือโรงไฟฟ้า

การเลือกใช้เคเบิลแกลนด์ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมต่างๆ เช่น การป้องกันไฟฟ้าช็อต การยึดสายไฟให้แน่น และการจัดระเบียบสายไฟอย่างมีประสิทธิภาพนั้นมีความสำคัญสูงในการรักษาความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ภายใน นอกจากนี้ การใช้งานยังช่วยยืดอายุการใช้งานของสายไฟและลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา.

ในการติดตั้งระบบไฟฟ้ายังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในสถานที่ทำงานโดยการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจากการติดขัดของสายไฟ หรือการสัมผัสกับส่วนที่มีไฟฟ้าแรงสูง การยึดสายไฟให้มั่นคงช่วยให้การใช้งานระบบไฟฟ้ามีความเสถียร และสามารถรองรับภาระไฟฟ้าได้อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันการรั่วซึมของน้ำและฝุ่นละอองเข้าไปในตัวกล่องควบคุมไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งสามารถป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเพิ่มอายุการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การใช้ที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมการใช้งานจึงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความมั่นใจในระบบไฟฟ้า.

หมวด สินค้าประจำหมวด

Cable Gland ทั้ง 3 วัสดุ: สแตนเลส, ทองเหลืองชุบนิกเกิล, และพลาสติก โดยสแตนเลส (Stainless Steel) เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนและการเสื่อมสภาพ เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมอาหาร ขณะที่ทองเหลืองชุบนิกเกิล (Nickel Plated Brass) มีความแข็งแรงและทนทานต่อการกัดกร่อน ทำให้เหมาะสำหรับงานไฟฟ้าที่ต้องการความทนทานสูง เช่น ระบบไฟฟ้าทั่วไปและงานที่มีแรงดันไฟฟ้าสูง ส่วนพลาสติก (Plastic) เช่น PA66 หรือ Nylon 6/6 ทนต่อสารเคมีและการกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อมภายนอก ใช้งานได้ดีในอุตสาหกรรมทั่วไปที่ไม่สัมผัสกับสารเคมีที่รุนแรง ทั้งสามวัสดุนี้เหมาะกับการเลือกใช้ในงานที่มีความต้องการพิเศษตามสภาพแวดล้อมต่างๆ

อธิบายสรุป เคเบิ้ลแกลน (Cable Gland) IP68 เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับยึดสายไฟเข้ากับอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือกล่องควบคุม เพื่อป้องกันน้ำและฝุ่นละอองไม่ให้เข้าไปภายในอุปกรณ์ โดยมีคุณสมบัติที่สำคัญคือ การป้องกันความชื้นและสิ่งสกปรกที่สามารถทำให้การทำงานของระบบไฟฟ้าล้มเหลว นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการกัดกร่อนและความเสียหายจากสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น ความชื้น, สารเคมี, หรือการสัมผัสกับฝุ่น

Scroll to Top