สยามร่วมค้า | ศูนย์รวมอุปกรณ์ป้องกันสายไฟและท่ออุตสาหกรรมมาตรฐานสากล

ท่อเฟล็กซ์เหล็กกัลวาไนซ์
Flexible air duct

ท่อเฟล็กซ์เหล็กกัลวาไนซ์ Flexible air duct คือ คือท่อลมที่ผลิตจากเหล็กกัลวาไนซ์ ซึ่งผ่านกระบวนการเคลือบสังกะสีเพื่อป้องกันการเกิดสนิมและเพิ่มความทนทานต่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ท่อชนิดนี้มีการออกแบบโครงสร้างเป็นลอนเกลียวแบบ Interlock ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ทำให้สามารถดัดโค้งงอหรือปรับรูปร่างได้ง่าย เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีข้อจำกัดด้านการติดตั้งหรือสถานที่ที่ต้องการการปรับตัวของท่อ

" ท่อเฟล็กซ์เหล็กกัลวาไนซ์ : Flexible duct "

แคตตาล็อกสินค้า🖱️

จำหน่ายท่อเฟล็กซ์สแตนเลส 304 และท่อลมเหล็กกัลวาไนซ์สตีล

เรามีท่อสแตนเลส 304 และท่อเหล็กกัลวาไนซ์สตีลคุณภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในระบบระบายอากาศและส่งลมในพื้นที่ต่างๆ ทั้งในอุตสาหกรรมและสถานที่ที่ต้องการความทนทานต่อสภาพแวดล้อม

ท่อเฟล็กซ์สแตนเลส 304
ทนทานต่อการกัดกร่อนสูง: ผลิตจากสแตนเลส 304 ซึ่งทนทานต่อการกัดกร่อนจากสารเคมีและความชื้น 
ทนทานต่ออุณหภูมิสูง: สามารถทนต่ออุณหภูมิสูงและสภาวะการใช้งานที่มีความร้อนหรือแรงดันสูงได้ดี
ยืดหยุ่นในการติดตั้ง: ออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่น สามารถดัดโค้งงอได้ง่ายตามต้องการ
💡 เหมาะสำหรับ: ระบบระบายอากาศในโรงงานอุตสาหกรรม, ห้องเครื่องจักร, และสถานที่ที่มีอุณหภูมิสูง

ท่อเฟล็กซ์เหล็กกัลวาไนซ์สตีล
ทนทานต่อการกัดกร่อน: เคลือบด้วยชั้นกัลวาไนซ์ที่ช่วยป้องกันการเกิดสนิมช้าลง 
แข็งแรงและทนทาน: ผลิตจากเหล็กกล้าแข็งแรง รองรับแรงดันได้ดี เหมาะสำหรับการใช้งานหนัก
ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว: ดีไซน์ที่ยืดหยุ่นช่วยให้การติดตั้งเป็นเรื่องง่ายและสะดวก
💡 เหมาะสำหรับ: ระบบระบายอากาศในโรงงาน, ระบบการส่งลมในอาคารที่ต้องการความแข็งแรงและทนทาน

เลือกท่อ Flex สแตนเลส 304 และท่อเหล็กกัลวาไนซ์สตีลจากเรา เพื่อการระบายอากาศที่มีประสิทธิภาพและยาวนาน!

ท่อเฟล็กซ์เหล็กกัลวาไนซ์ (Galvanize Steel Flexible Hoses)

คุณสมบัติที่สำคัญของท่อเหล็กกัลวาไนซ์ ได้แก่ ความแข็งแรงทนทาน ความสามารถในการต้านทานอุณหภูมิสูงถึง 250°C และต่ำถึง -40°C และมีความหนา 0.5 มม. ขดตัว 1.5 มม. นอกจากนี้ ท่อชนิดนี้ยังเหมาะสำหรับการใช้งานในระบบระบายอากาศ ระบบลำเลียงฝุ่น หรือเม็ดพลาสติก และยังคงทนต่อแรงกดดันและการใช้งานในระยะยาวได้อย่างดีเยี่ยม

  • วัสดุ (Material): ผลิตจากเหล็กกัลวาไนซ์ (Galvanize Steel Flexible Hoses) ที่มีความแข็งแรงและป้องกันการเกิดสนิมได้ดี
  • ความหนา (Thickness): มีความหนาให้เลือกตั้งแต่ 0.5 มม. ถึง 1.5 มม.
  • ทนต่ออุณหภูมิ (Temperature Resistance): รองรับการใช้งานในช่วงอุณหภูมิตั้งแต่ -40°C ถึง 250°C
  • การออกแบบลอนเกลียว (Interlock Design): มีโครงสร้างแบบลอนเกลียว (Interlock) ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงและสามารถดัดโค้งงอได้
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับการติดตั้งในพื้นที่จำกัดหรือระบบที่ต้องการความยืดหยุ่น เช่น ระบบระบายอากาศ

คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ท่อเหล็กกัลวาไนซ์เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ต้องการความคงทนและความยืดหยุ่นสูง

หมวด สินค้าใกล้เคียง

ท่อทั้งสองประเภทมีความยืดหยุ่นและปรับรูปทรงได้ง่าย เหมาะสำหรับการติดตั้งในพื้นที่หลากหลายรูปแบบ แต่เน้นใช้งานในลักษณะเฉพาะตามวัตถุประสงค์ ท่อระบายอากาศ: ใช้สำหรับการส่งและรับอากาศในระบบระบายอากาศ เช่น การระบายอากาศในอาคารสำนักงานหรือโรงงาน เพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศภายใน ลดการสะสมของอากาศเสีย ควัน หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์

ท่อดูดฝุ่น ดูดควัน: ใช้ในการดูดและขนส่งฝุ่น ควัน หรือสารเคมีในโรงงานอุตสาหกรรมหรือกระบวนการผลิตที่มีมลพิษ เช่น ฝุ่นจากการเจียร ควันจากการเชื่อม หรือไอระเหย ท่อนี้มักทำจากวัสดุที่ทนทานต่อสารเคมีและอุณหภูมิสูง

หมวด สินค้าที่เกี่ยวข้อง

ตู้ที่ทำจากสแตนเลส ใช้สำหรับบรรจุอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น เบรกเกอร์, สวิตช์, และระบบควบคุมต่างๆ เพื่อป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าจากฝุ่น, น้ำ, ความชื้น, และสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เหมาะสำหรับงานภายนอกอาคารหรือในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการกัดกร่อน เช่น โรงงานอุตสาหกรรมและบริเวณที่มีความชื้นสูง

รางกระดูกงู ใช้ในการ ป้องกันและจัดระเบียบสายไฟ หรือสายเคเบิลต่างๆ ภายในอาคารหรือพื้นที่อุตสาหกรรม โดยมีโครงสร้างที่เป็นรางที่สามารถวางสายไฟได้อย่างปลอดภัยและสะดวก ช่วยให้การติดตั้งสายไฟเป็นระเบียบและง่ายต่อการบำรุงรักษา

ท่อเฟล็กซ์เหล็กกัลวาไนซ์สตีล คืออะไร

ท่อเหล็กกัลวาไนซ์สตีล คือท่อระบายอากาศที่ผลิตจากวัสดุเหล็กกัลวาไนซ์ ซึ่งเคลือบสังกะสีเพื่อเพิ่มความทนทานต่อการเกิดสนิมและใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ท่อชนิดนี้ถูกออกแบบให้มีโครงสร้างลอนเกลียว (Interlock) ที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและแข็งแรง ทำให้เหมาะสำหรับการติดตั้งในพื้นที่ที่ซับซ้อนหรือมีข้อจำกัด เช่น โครงสร้างแคบหรือระบบที่ต้องการการปรับมุมโค้ง ด้วยคุณสมบัติพิเศษ ท่อชนิดนี้สามารถใช้งานในระบบระบายอากาศ ดูดควัน ไอเสีย และการระบายความร้อนในโรงงานอุตสาหกรรมหรืออาคาร ความแข็งแรงของท่อลมเหล็กกัลวาไนซ์สตีลยังเหมาะสำหรับการดูดลมแรงดันสูง เช่น ระบบลมในงานอุตสาหกรรม งานครัวเชิงพาณิชย์ หรือพื้นที่ที่ต้องการระบบระบายอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง

การวัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อ (Diameter)

การวัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อ (Diameter)

  • การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางภายใน (Internal Diameter – ID):
    การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อ (ID) ทำได้โดยการใช้เครื่องมือวัดที่มีขนาดที่สามารถวัดได้ตรงกับขนาดภายในของท่อ เช่น เวอร์เนีย หรือเครื่องมือวัดขนาดท่อที่มีความแม่นยำสูง เมื่อวัดค่า ID อย่างถูกต้อง จะช่วยให้เลือกท่อที่มีขนาดเหมาะสมกับการใช้งาน เช่น ระบบระบายอากาศหรือระบบส่งของเหลวในท่อ.

  • การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอก (External Diameter – OD):
    การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกของท่อ (OD) ทำได้โดยการใช้เครื่องมือวัดที่เหมาะสม เช่น ไมโครมิเตอร์ หรือเครื่องมือวัดขนาดที่สามารถวัดได้ตรงกับเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกของท่อ หากต้องการคำนวณค่า OD จากเส้นรอบวง สามารถทำได้โดยการวัดเส้นรอบวงของท่อแล้วนำค่ามาหารด้วยค่าคงที่ (π หรือ 3.1416) เพื่อหาค่าเส้นผ่านศูนย์กลางที่ถูกต้อง.

  • การเลือกเครื่องมือวัดที่เหมาะสม:
    เพื่อให้การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางทั้งภายในและภายนอกเป็นไปได้อย่างแม่นยำ ควรเลือกเครื่องมือวัดที่มีความละเอียดสูงและเหมาะสมกับประเภทท่อที่ใช้งาน ตัวอย่างเช่น การใช้เวอร์เนียแบบดิจิตอลเพื่อความสะดวกและแม่นยำในการวัด หรือการใช้ไมโครมิเตอร์สำหรับท่อขนาดเล็กที่ต้องการความแม่นยำสูง.

  • การคำนวณเส้นผ่านศูนย์กลางจากเส้นรอบวง:
    หากการวัดเส้นผ่านศูนย์กลางเป็นเรื่องยากหรือไม่สะดวก สามารถใช้วิธีการคำนวณจากเส้นรอบวง (Circumference) ของท่อได้ โดยการวัดเส้นรอบวงแล้วนำค่ามาหารด้วยค่า π (3.1416) จะได้ค่าเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อ ซึ่งการคำนวณนี้เป็นวิธีที่ใช้กันบ่อยในกรณีที่ไม่สามารถวัดตรงกับเส้นผ่านศูนย์กลางได้

เครื่องมือวัดเส้นรอบวง (Circumference Tape or Measuring Tape):
ในกรณีที่การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางตรงๆ ไม่สามารถทำได้ หรือเป็นท่อขนาดใหญ่ การวัดเส้นรอบวง (Circumference) ของท่อแล้วคำนวณเส้นผ่านศูนย์กลางสามารถทำได้โดยใช้เครื่องมือวัดเช่น เทปวัดที่มีความยืดหยุ่นและสามารถพันรอบท่อได้ จากนั้นใช้สูตรคำนวณเส้นผ่านศูนย์กลางโดยการหารเส้นรอบวงด้วยค่า π (ประมาณ 3.1416).
เวอร์เนียคาลิปเปอร์ (Vernier Caliper):
เครื่องมือวัดที่นิยมใช้ในการวัดขนาดภายในและภายนอกของท่อได้อย่างแม่นยำ เวอร์เนียคาลิปเปอร์มีทั้งแบบดิจิตอลและแบบอนาล็อก ซึ่งสามารถวัดได้ทั้งเส้นผ่านศูนย์กลางภายใน (ID) และภายนอก (OD) โดยการใช้ปลายของเครื่องมือวัดสัมผัสกับขอบของท่อ เพื่อให้ได้ค่าที่ละเอียดและแม่นยำสูง.

โครงสร้างลอนเกลียว (Interlock) ของท่อเฟล็กซ์เหล็กกัลวาไนซ์สตีล

โครงสร้างลอนเกลียว (Interlock) ของท่อลมเหล็กกัลวาไนซ์สตีลได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงให้กับตัวท่อ โดยลักษณะของลอนเกลียวนี้ช่วยให้ท่อสามารถโค้งงอหรือปรับรูปร่างได้ง่ายโดยไม่เสียหาย เหมาะสำหรับการติดตั้งในพื้นที่ที่มีข้อจำกัด เช่น พื้นที่แคบ มุมโค้ง หรือเส้นทางที่ซับซ้อน **เมื่อขนาดของท่อเพิ่มขึ้น เส้นผ่านศูนย์กลางที่ใหญ่ขึ้นจะทำให้ความสามารถในการดัดโค้งงอลดลงเล็กน้อย เนื่องจากตัวท่อมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นและลอนเกลียวต้องรองรับโครงสร้างที่ใหญ่ขึ้นท่อลมขนาดใหญ่เหมาะสำหรับการใช้งานในระบบที่ต้องการลำเลียงลมหรือไอเสียในปริมาณมาก เช่น ระบบระบายอากาศของโรงงานอุตสาหกรรมหรือพื้นที่ขนาดใหญ่ แม้ว่าการดัดโค้งงอจะมีข้อจำกัดเมื่อเทียบกับขนาดเล็ก แต่โครงสร้างลอนเกลียวยังคงช่วยให้ท่อมีความยืดหยุ่นเพียงพอสำหรับการติดตั้งในระบบที่ซับซ้อน การเลือกขนาดท่อที่เหมาะสมจึงควรพิจารณาทั้งความต้องการในการลำเลียงอากาศและข้อจำกัดของพื้นที่ติดตั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าท่อสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับความต้องการของระบบ

เลือกท่อเฟล็กซ์เหล็กอย่างไรให้เหมาะสมกับงาน

การใช้การระบายลมร้อน ในระบบระบายอากาศ

การป้องกันไฟไหม้จากสะเก็ดไฟ และความร้อน

การเลือกขนาดท่อเฟล็กซ์เหล็กกาวาไนซ์สตีลที่เหมาะสม

  • ขนาดของการไหลของอากาศ (Airflow Capacity)ขนาดท่อลมต้องรองรับปริมาณอากาศที่ต้องการไหลผ่านในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งสามารถคำนวณจากอัตราการไหลของลมในระบบ (CFM หรือ Cubic Feet per Minute) เพื่อให้เลือกขนาดท่อที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางที่เหมาะสมกับการไหลของอากาศ

  • ระยะทางการส่งลม (Duct Length)การเลือกขนาดลมจะต้องคำนึงถึงระยะทางที่ท่อจะเดิน ซึ่งระยะทางที่ยาวขึ้นอาจทำให้ความดันลดลง ทำให้ต้องเลือกท่อที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อให้การไหลของลมเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • การลดการสูญเสียความดัน (Pressure Drop)ท่อลมกาวาไนซ์สตีลมีแรงต้านทานการไหลของอากาศ ซึ่งอาจทำให้เกิดการสูญเสียความดันในระบบ การเลือกขนาดที่ถูกต้องจะช่วยลดการสูญเสียความดันและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

-

  • ประเภทของการใช้งานท่อลมมีหลายประเภทที่เหมาะสมกับงานที่ต่างกัน เช่น ระบบ HVAC (การระบายอากาศ), การส่งอากาศในอุตสาหกรรม, หรือในงานอื่นๆ ซึ่งจะมีความต้องการในแง่ของขนาดและการทนทานต่างกัน

  • ขนาดและรูปทรงของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ (Connection Size and Shape)ขนาดท่อควรเข้ากับอุปกรณ์ที่ใช้งาน เช่น พัดลม, เครื่องปรับอากาศ, หรือเครื่องกรองลม ซึ่งการเลือกขนาดท่อให้เหมาะสมกับอุปกรณ์จะช่วยให้การเชื่อมต่อแน่นหนาและประสิทธิภาพดีขึ้น

  • การทนทานต่อสภาพแวดล้อม (Environmental Resistance):คุณสมบัติทนต่อการกัดกร่อนและความร้อน ซึ่งควรเลือกขนาดที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่ใช้งาน เช่น สภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงหรือสารเคมี

เลือกท่อลมเหล็กอย่างไรให้เหมาะสมกับงาน

การเลือกท่อเฟล็กซ์ให้เหมาะสมกับงานนั้นต้องพิจารณาหลายปัจจัยเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ก่อนอื่นต้องคำนึงถึง ขนาดของท่อ ซึ่งควรเหมาะสมกับการไหลของอากาศหรือการขนส่งวัสดุต่างๆ เช่น การเลือกขนาดที่สามารถรองรับปริมาณการไหลของอากาศ (CFM) ได้ดี นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึง ระยะทางการใช้งาน หากต้องใช้ในระยะทางที่ยาว ควรเลือกท่อที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อลดการสูญเสียความดัน

ความทนทานต่อสภาพแวดล้อม คือปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ท่อเฟล็กซ์เหล็กกัลวาไนซ์สตีลมีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนและสามารถใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือสารเคมีต่างๆ ได้ดี นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติ ทนความร้อน ซึ่งสำคัญในงานที่ต้องสัมผัสกับอุณหภูมิสูง เช่น ในโรงงานหรือระบบ HVAC

 

การ เลือกวัสดุ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องพิจารณา โดยเฉพาะในงานที่ต้องทนแรงดันหรือการใช้งานหนัก ควรเลือกวัสดุที่แข็งแรงและทนทานมากขึ้น ท่อที่มีการ เคลือบสารป้องกัน จะช่วยยืดอายุการใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

สุดท้าย, ควรพิจารณา ประเภทการใช้งาน ที่ชัดเจน เช่น ระบบระบายอากาศในอุตสาหกรรมหรือการระบายอากาศในอาคาร ซึ่งการเลือกท่อที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดปัญหาการบำรุงรักษาในอนาคต

การใช้การระบายลมร้อน ในระบบระบายอากาศ

การใช้การระบายลมร้อน เป็นกระบวนการที่สำคัญในหลายอุตสาหกรรมและการใช้งานทั่วไปเพื่อรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสมในพื้นที่หรืออุปกรณ์ต่างๆ การระบายลมร้อนช่วยป้องกันการสะสมของความร้อนที่อาจทำให้เกิดปัญหาต่อเครื่องจักรหรือระบบไฟฟ้า โดยกระบวนการนี้มีประโยชน์ในด้านต่างๆ ดังนี้:

  • การป้องกันการทำงานผิดปกติของเครื่องจักร:การระบายลมร้อนช่วยลดความร้อนสะสมในเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งหากไม่ระบายความร้อนออกไปอาจทำให้เครื่องจักรทำงานผิดปกติหรือเสียหายได้ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์, มอเตอร์ไฟฟ้า, หรือระบบ HVAC

  • การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานการระบายความร้อนจากอุปกรณ์หรือพื้นที่ต่างๆ ช่วยให้อุปกรณ์สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากอุณหภูมิที่เหมาะสมช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างราบรื่นโดยไม่เกิดความร้อนเกินไป

  • การใช้ท่อเฟล็กซ์ในการระบายลมร้อนใช้ในระบบการระบายลมร้อน เนื่องจากท่อเหล่านี้สามารถทนความร้อนได้ดีและมีความยืดหยุ่นสูง ทำให้สามารถติดตั้งในพื้นที่ที่จำกัดหรือในระบบที่ซับซ้อนได้ง่าย

ปัจจัยสำคัญในการเลือกท่อเฟล็กซ์เหล็กที่เหมาะสมกับการใช้งาน

ปัจจัยสำคัญในการเลือกท่อที่เหมาะสมกับการใช้งาน โดยเฉพาะท่อที่ใช้ในระบบระบายอากาศหรือการขนส่งลม ที่มักต้องเผชิญกับการสะสมของฝุ่น, สิ่งสกปรก, หรือการกัดกร่อนจากสารเคมีต่างๆ การเลือกท่อที่ ง่ายต่อการทำความสะอาดและตรวจสอบสภาพ จะช่วยให้การดูแลรักษาระบบเป็นไปได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น การตรวจสอบสภาพ: ท่อที่สามารถตรวจสอบสภาพได้ง่าย เช่น ท่อที่มีสีที่เห็นได้ชัดหรือมีการออกแบบให้สามารถสังเกตเห็นการสะสมของสิ่งสกปรกหรือการเสื่อมสภาพได้เร็ว จะช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถตรวจสอบและแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ทันที นอกจากนี้ ท่อที่สามารถเปิดหรือถอดออกได้สะดวกจะช่วยให้การตรวจสอบสภาพภายในท่อทำได้ง่ายขึ้น ความทนทานและการบำรุงรักษาน้อย: ท่อที่มีความทนทานสูงจะช่วยลดความถี่ในการบำรุงรักษาและซ่อมแซม ซึ่งหมายถึงการลดต้นทุนในการบำรุงรักษาระยะยาว อีกทั้งยังสามารถใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายได้โดยไม่ต้องมีการดูแลมาก

การป้องกันไฟไหม้จากสะเก็ดไฟ และความร้อน

ท่อเหล็กกัลวาไนซ์สตีลเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมในการป้องกันไฟไหม้จากสะเก็ดไฟในอุตสาหกรรมหรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากการเกิดไฟไหม้ ท่อชนิดนี้มีคุณสมบัติทนทานต่อความร้อนและสามารถทนต่อการสัมผัสกับเปลวไฟหรือสะเก็ดไฟได้ดี เนื่องจากเหล็กกัลวาไนซ์มีการเคลือบชั้นซิงก์ที่มีคุณสมบัติป้องกันการกัดกร่อนและสามารถทนต่ออุณหภูมิสูง
 
การใช้ท่อเฟล็กซ์เหล็กกัลวาไนซ์สตีลในระบบที่ต้องการการป้องกันจากไฟไหม้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการที่สะเก็ดไฟจากกระบวนการผลิตหรือเครื่องจักรสามารถทำลายหรือเผาไหม้ระบบท่อหรือสายไฟได้ การเคลือบด้วยชั้นซิงก์ช่วยเพิ่มความสามารถในการป้องกันการเกิดสนิม ซึ่งเป็นการเพิ่มความทนทานให้กับท่อในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงหรือการสัมผัสกับสารเคมีที่อาจทำให้เกิดการกัดกร่อน

นอกจากนี้ ท่อระบายอากาศเหล็กกัลวาไนซ์ยังมีความยืดหยุ่นในการติดตั้งและสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย ทำให้เหมาะสำหรับการใช้ในพื้นที่ที่ต้องการการระบายอากาศหรือการส่งพลังงานในลักษณะที่ปลอดภัยจากการติดไฟ และการติดตั้งท่อเหล็กกัลวาไนซ์สตีลยังช่วยให้ระบบการทำงานมีความมั่นคงมากขึ้นในระยะยาว ลดการเสี่ยงจากไฟไหม้และปัญหาทางเทคนิคที่อาจเกิดขึ้นได้.

หมวด สินค้าประจำหมวด

Flexible Duct Hose หรือท่อดูดลมแบบยืดหยุ่น คืออุปกรณ์สำหรับการลำเลียงอากาศหรือวัสดุเบา ๆ ในระบบระบายอากาศและระบบอุตสาหกรรมต่าง ๆ ท่อชนิดนี้มีคุณสมบัติเด่นที่ความยืดหยุ่น น้ำหนักเบา และสามารถดัดโค้งได้ง่าย ทำให้เหมาะกับการติดตั้งในพื้นที่ที่เข้าถึงยากหรือมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ วัสดุที่ใช้มีหลากหลาย เช่น พลาสติก PVC, PU, หรืออลูมิเนียมฟอยล์,เหล็ก,สแตนเลส ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน โดยท่อบางรุ่นสามารถทนต่ออุณหภูมิสูง ทนสารเคมี หรือป้องกันไฟได้ จึงเหมาะสำหรับงานที่ต้องการความปลอดภัยและความทนทาน เช่น การระบายอากาศในโรงงาน การดูดควันในครัวอุตสาหกรรม หรือการส่งผ่านอากาศในระบบ HVAC (ระบบปรับอากาศและระบายอากาศ)

อธิบายสรุป ท่อเฟล็กซ์เหล็กกัลวาไนซ์สตีล คือท่อที่ทำจากเหล็กที่ผ่านกระบวนการชุบสังกะสี (Galvanization) เพื่อป้องกันการกัดกร่อน โดยท่อประเภทนี้มีความยืดหยุ่นสูง ทำให้สามารถใช้ในงานที่ต้องการความยืดหยุ่นในการติดตั้งหรือการเคลื่อนย้ายได้ง่าย ท่อเหล็กกัลวาไนซ์สตีลเหมาะสำหรับการใช้งานในระบบระบายอากาศหรือการขนส่งลมในอุตสาหกรรม รวมถึงงานที่ต้องการป้องกันไฟไหม้จากสะเก็ดไฟ เนื่องจากท่อมีความทนทานต่อความร้อนและการสัมผัสกับเปลวไฟได้ดี

Scroll to Top