สยามร่วมค้า | ศูนย์รวมอุปกรณ์ป้องกันสายไฟและท่อลมอุตสาหกรรมมาตรฐานสากล

ท่ออ่อนผ้าใบเคลือบ PVC

ท่ออ่อนผ้าใบเคลือบ PVC เป็นท่อชนิดยืดหยุ่นที่ผลิตจากผ้าใบทาร์โพลีน (Tarpaulin) ซึ่งผ่านการเคลือบด้วยพีวีซี (PVC) เพื่อเพิ่มความทนทาน กันน้ำ และทนต่อสารเคมีบางชนิด โครงสร้างของท่อยังเสริมด้วยเส้นใยไฟเบอร์กลาสและขดลวดสปริงเหล็กด้านใน ทำให้ท่อสามารถโค้งงอได้ตามต้องการ ไม่ยุบตัวง่าย และคงรูปได้ดีในขณะใช้งาน ใช้ในระบบส่งลมร้อน ลมเย็น และระบายอากาศรุ่นที่เคลือบสารกันไฟ เหมาะกับพื้นที่เสี่ยงไฟหรืออุณหภูมิสูง

คุณสมบัติเด่นของท่ออ่อนผ้าใบชนิดนี้คือ

สามารถใช้งานได้กับลมร้อน ลมเย็น และระบบดูดไอระเหยต่าง ๆ โดยมีช่วงอุณหภูมิการใช้งานที่กว้างตั้งแต่ประมาณ -20°C ถึง +120°C สำหรับรุ่นทั่วไป และอาจสูงถึง 180°C สำหรับรุ่นทนความร้อนพิเศษ เช่น รุ่นเคลือบสารกันไฟ ติดตั้งง่าย จึงเหมาะกับการใช้งานในพื้นที่จำกัดหรือพื้นที่ที่ต้องการการติดตั้งแบบปรับเปลี่ยนบ่อย ๆ เช่น งานภายในโรงงานอุตสาหกรรม อุโมงค์ ระบบปรับอากาศ หรือพื้นที่ก่อสร้างที่ต้องการการระบายลมและควันอย่างมีประสิทธิภาพ ท่อชนิดสีฟ้ามักใช้ในงานทั่วไป เช่น การส่งลมหรือระบายอากาศในพื้นที่ปิดหรือโรงงาน ในขณะที่ท่อสีดำมักใช้ในงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง ต้องทนต่ออุณหภูมิสูง เพราะรุ่นสีดำมีการเคลือบสารกันไฟลาม ทำให้สามารถลดความเสี่ยงจากอัคคีภัยได้

การวัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อ (Diameter)

  • การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางภายใน (Internal Diameter – ID):
    การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อ (ID) ทำได้โดยการใช้เครื่องมือวัดที่มีขนาดที่สามารถวัดได้ตรงกับขนาดภายในของท่อ เช่น เวอร์เนีย หรือเครื่องมือวัดขนาดท่อที่มีความแม่นยำสูง เมื่อวัดค่า ID อย่างถูกต้อง จะช่วยให้เลือกท่อที่มีขนาดเหมาะสมกับการใช้งาน เช่น ระบบระบายอากาศหรือระบบส่งของเหลวในท่อ.
  • การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอก (External Diameter – OD):
    การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกของท่อ ท่อเฟล็กซ์ (OD) ทำได้โดยการใช้เครื่องมือวัดที่เหมาะสม เช่น ไมโครมิเตอร์ หรือเครื่องมือวัดขนาดที่สามารถวัดได้ตรงกับเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกของท่อ หากต้องการคำนวณค่า OD จากเส้นรอบวง สามารถทำได้โดยการวัดเส้นรอบวงของท่อแล้วนำค่ามาหารด้วยค่าคงที่ (π หรือ 3.1416) เพื่อหาค่าเส้นผ่านศูนย์กลางที่ถูกต้อง.
  • การเลือกเครื่องมือวัดที่เหมาะสม:
    เพื่อให้การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางทั้งภายในและภายนอกเป็นไปได้อย่างแม่นยำ ควรเลือกเครื่องมือวัดที่มีความละเอียดสูงและเหมาะสมกับประเภทท่อที่ใช้งาน ตัวอย่างเช่น การใช้เวอร์เนียแบบดิจิตอลเพื่อความสะดวกและแม่นยำในการวัด หรือการใช้ไมโครมิเตอร์สำหรับท่อขนาดเล็กที่ต้องการความแม่นยำสูง.
  • การคำนวณเส้นผ่านศูนย์กลางจากเส้นรอบวง:
    หากการวัดเส้นผ่านศูนย์กลางเป็นเรื่องยากหรือไม่สะดวก สามารถใช้วิธีการคำนวณจากเส้นรอบวง (Circumference) ของท่อได้ โดยการวัดเส้นรอบวงแล้วนำค่ามาหารด้วยค่า π (3.1416) จะได้ค่าเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อ ซึ่งการคำนวณนี้เป็นวิธีที่ใช้กันบ่อยในกรณีที่ไม่สามารถวัดตรงกับเส้นผ่านศูนย์กลางได้

เครื่องมือวัดเส้นรอบวง (Circumference Tape or Measuring Tape): ในกรณีที่การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางตรงๆ ไม่สามารถทำได้ หรือเป็นท่อขนาดใหญ่ การวัดเส้นรอบวง (Circumference) ของท่อแล้วคำนวณเส้นผ่านศูนย์กลางสามารถทำได้โดยใช้เครื่องมือวัดเช่น เทปวัดที่มีความยืดหยุ่นและสามารถพันรอบท่อได้ จากนั้นใช้สูตรคำนวณเส้นผ่านศูนย์กลางโดยการหารเส้นรอบวงด้วยค่า π (ประมาณ 3.1416).
เวอร์เนียคาลิปเปอร์ (Vernier Caliper): เครื่องมือวัดที่นิยมใช้ในการวัดขนาดภายในและภายนอกของท่อได้อย่างแม่นยำ เวอร์เนียคาลิปเปอร์มีทั้งแบบดิจิตอลและแบบอนาล็อก ซึ่งสามารถวัดได้ทั้งเส้นผ่านศูนย์กลางภายใน (ID) และภายนอก (OD) โดยการใช้ปลายของเครื่องมือวัดสัมผัสกับขอบของท่อ เพื่อให้ได้ค่าที่ละเอียดและแม่นยำสูง.

ท่ออ่อนผ้าใบเคลือบ PVC เป็นท่อที่ผลิตจากผ้าทาร์โพลีน

ท่อที่ผลิตจากผ้าทาร์โพลีน (Tarpaulin) คุณภาพสูงซึ่งผ่านการเคลือบด้วยวัสดุพีวีซี (PVC) เพื่อเพิ่มความทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ โดยวัสดุนี้มีความเหนียว แข็งแรง และทนต่อการเสียดสี ช่วยให้ท่อมีอายุการใช้งานที่ยาวนานแม้ใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นหรือเศษวัสดุจำนวนมาก ขดลวดสปริงเหล็กที่เสริมภายในช่วยให้ท่อสามารถยืดหยุ่นและคงรูปได้ดี ไม่ยุบตัวแม้ในขณะงอหรือดัดโค้ง

โครงสร้างของท่อผ้าใบเคลือบ PVC ยังประกอบด้วยเส้นใยไฟเบอร์กลาสที่เพิ่มความแข็งแรงและทนความร้อน ทำให้ท่อสามารถรองรับการใช้งานในระบบลมร้อนหรือสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงได้ดี โดยท่อทั่วไปสามารถทนอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -20°C ถึงประมาณ 120°C และรุ่นที่เสริมสารกันไฟลามจะทนความร้อนได้สูงถึง 180°C เหมาะสำหรับงานในโรงงานอุตสาหกรรมหรือระบบระบายอากาศที่ต้องการความปลอดภัยจากไฟไหม้

ท่อชนิดนี้มีน้ำหนักเบาและติดตั้งง่าย สามารถดัดโค้งหรือปรับความยาวให้เหมาะสมกับพื้นที่ใช้งาน ทำให้สะดวกต่อการติดตั้งในพื้นที่จำกัดหรือพื้นที่ที่มีรูปทรงซับซ้อน เช่น งานในระบบ HVAC งานดูดควัน ระบบระบายฝุ่น และการส่งลมในอาคารหรือโรงงานต่าง ๆ ซึ่งช่วยลดเวลาการติดตั้งและค่าแรงงาน

ในเรื่องของการใช้งาน เหมาะกับงานระบบระบายอากาศทั่วไป งานดูดฝุ่นหรือเศษวัสดุเบา รวมถึงงานที่ต้องส่งลมร้อนหรือลมเย็น ท่อสีฟ้ามักถูกใช้ในงานทั่วไปที่ไม่มีความเสี่ยงจากไฟไหม้ ส่วนท่อสีดำจะมีสารเคลือบกันไฟลามเพิ่มเข้ามา เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น งานอุตสาหกรรมหนัก หรือสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้

ตารางขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง (นิ้ว)

ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง (นิ้ว)ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง (มม.)ความยาวมาตรฐาน (เมตร/เส้น)
2506 หรือ 10
3756 หรือ 10
41006 หรือ 10
51256 หรือ 10
61506 หรือ 10
82006 หรือ 10
102506 หรือ 10
123006 หรือ 10
143506 หรือ 10
164006 หรือ 10

เปรียบเทียบท่ออ่อนผ้าใบเคลือบ PVC สีฟ้า กับ สีดำ

สีฟ้า ผลิตจากผ้าทาร์โพลีนเคลือบด้วยพีวีซี มีโครงสร้างเสริมด้วยขดลวดสปริงเหล็กและเส้นใยไฟเบอร์กลาส ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงและน้ำหนักเบา ท่อสีฟ้ารุ่นนี้เหมาะสำหรับงานระบบส่งลมทั่วไป เช่น การระบายอากาศ การส่งผ่านลมร้อนและลมเย็นภายในอาคารหรือโรงงาน เนื่องจากท่อสามารถทนอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -20°C ถึง 120°C เนื่องจากท่อสีฟ้าไม่มีสารกันไฟลาม จึงไม่เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดไฟไหม้ ท่อรุ่นนี้จึงเน้นที่ความสะดวกในการติดตั้งและการใช้งานในระบบที่ไม่ต้องการมาตรฐานความปลอดภัยด้านไฟโดยเฉพาะ เหมาะกับงานที่เน้นการส่งลมหรือดูดฝุ่นในอุณหภูมิปกติ

สีดำออกแบบมาพิเศษด้วยการผสมสารกันไฟลาม

ออกแบบมาพิเศษด้วยการผสมสารกันไฟลามในชั้นพีวีซี เคลือบผิวท่อ ทำให้ท่อมีความสามารถทนไฟและป้องกันการลุกลามของไฟได้ดี เหมาะสำหรับใช้งานในระบบ HVAC ที่ต้องการมาตรฐานความปลอดภัยสูง หรือในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงต่อไฟไหม้สูง

นอกจากนี้ ท่อสีดำยังทนอุณหภูมิได้สูงกว่าท่อสีฟ้า โดยสามารถใช้งานได้ในช่วงอุณหภูมิ -20°C ถึง 180°C ทำให้เหมาะกับงานที่ต้องการการส่งลมหรือไอน้ำร้อน รวมถึงงานที่สัมผัสกับความร้อนสูงและสภาพแวดล้อมที่รุนแรง ท่อรุ่นนี้มีความทนทานและอายุการใช้งานยาวนานกว่าทั้งสองรุ่นมีโครงสร้างเสริมแรงด้วยลวดสปริงและเส้นใยไฟเบอร์กลาสเหมือนกัน ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแรงและป้องกันการยุบตัวของท่อ ข้อแตกต่างสำคัญจึงอยู่ที่การเสริมสารกันไฟลามและช่วงอุณหภูมิที่ท่อสามารถรองรับได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเลือกใช้งานตามลักษณะงานและความปลอดภัย

โดยสรุป ท่อผ้าใบเคลือบ PVC สีฟ้าเหมาะกับงานส่งลมทั่วไปและงานระบายอากาศที่ไม่ต้องการมาตรฐานกันไฟ ส่วนท่อสีดำเหมาะสำหรับงานที่ต้องการความปลอดภัยสูงจากไฟลามและการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความร้อนสูง การเลือกใช้ท่อทั้งสองสีขึ้นอยู่กับลักษณะและความต้องการของงานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

โครงสร้างพื้นฐานของท่ออ่อนผ้าใบบเคลือบ PVC

ท่อผ้าใบทั้งสีฟ้าและสีดำ ผลิตจากวัสดุผ้าทาร์โพลีน (Tarpaulin) ซึ่งเคลือบด้วยพีวีซี (PVC) เพื่อเพิ่มความทนทานต่อสภาพแวดล้อมและช่วยให้ท่อสามารถใช้งานได้ทั้งในงานดูดและส่งลม ผิวท่อภายนอกเรียบและทนต่อแรงเสียดสี เสริมความแข็งแรงด้วยขดลวดโลหะสปริง และเส้นใยไฟเบอร์กลาสที่ช่วยป้องกันการยุบตัวขณะใช้งาน ทั้งท่อผ้าใบสีฟ้าและสีดำมีพื้นฐานโครงสร้างคล้ายกัน แต่ความแตกต่างหลักคือระดับการทนความร้อนและคุณสมบัติการกันไฟลาม ท่อสีฟ้าเหมาะกับงานทั่วไปที่ไม่เน้นความปลอดภัยจากไฟ ส่วนท่อสีดำเหมาะกับงานหนักที่ต้องการความปลอดภัยและทนต่ออุณหภูมิสูง ผู้ใช้งานควรเลือกให้ตรงกับลักษณะงาน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานของท่อ

สีฟ้า – ใช้งานทั่วไปและราคาประหยัด

ท่อสีฟ้าเป็นรุ่นมาตรฐาน เหมาะสำหรับการส่งผ่านลมร้อน ลมเย็น หรือการระบายอากาศในอาคาร โรงงานทั่วไป และระบบดูดฝุ่นที่ไม่มีความเสี่ยงเรื่องไฟลาม จุดเด่นคือราคาถูก น้ำหนักเบา ยืดหยุ่นสูง และติดตั้งง่าย เหมาะกับงานที่มีข้อจำกัดด้านงบประมาณและไม่ต้องการคุณสมบัติพิเศษด้านความปลอดภัย

สีดำ – เน้นความปลอดภัย ไม่ลามไฟ
ท่อสีดำถูกพัฒนาให้มีคุณสมบัติกันไฟลาม โดยใช้สารเคมีพิเศษเคลือบผิวด้านนอกของท่อพีวีซี ทำให้เมื่อเกิดไฟไหม้ ท่อจะไม่ลุกลามไฟไปยังส่วนอื่น ช่วยลดความเสี่ยงต่ออัคคีภัย เหมาะสำหรับงานในพื้นที่อุตสาหกรรม ห้องควบคุมไฟฟ้า และพื้นที่ที่มีข้อกำหนดด้านความปลอดภัยสูง

การทนต่ออุณหภูมิ
ท่อสีฟ้าทนความร้อนได้ประมาณ -20°C ถึง +120°C ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป ในขณะที่ท่อสีดำสามารถทนความร้อนได้ถึง +180°C จึงเหมาะกับงานที่เกี่ยวข้องกับลมร้อนจัด หรือการดูดควันไอเสียที่มีอุณหภูมิสูง เช่น ระบบระบายอากาศในโรงงานหลอมโลหะ หรือโรงไฟฟ้า

การเลือกใช้งานตามประเภทงาน
หากใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีความร้อนสูงหรือไม่มีความเสี่ยงจากไฟ ท่อสีฟ้าจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและเหมาะสม แต่ถ้าต้องทำงานในพื้นที่ที่อาจเกิดความร้อนสูง หรืออาจมีเปลวไฟ เช่น ห้องเครื่องจักรหรือห้องครัวอุตสาหกรรม ท่อสีดำคือทางเลือกที่ปลอดภัยและทนทานกว่า