สยามร่วมค้า | ศูนย์รวมอุปกรณ์ป้องกันสายไฟและท่อลมอุตสาหกรรมมาตรฐานสากล

เฟล็กซ์อลูมิเนียมกึ่งแข็ง

ท่อเฟล็กซ์อลูมิเนียมกึ่งแข็ง (ดัดอยู่ตัว) เป็นท่อระบายอากาศที่ผลิตจากแผ่นอลูมิเนียม ซึ่งผ่านกระบวนการขึ้นรูปให้เป็นลอนเกลียว ทำให้ตัวท่อมีทั้งความยืดหยุ่นและความแข็งแรงในตัว สามารถดัดงอให้เข้ากับพื้นที่ได้อย่างง่ายดาย และยังคงรูปอยู่ในทิศทางที่ดัดไว้ โดยไม่คืนตัวหลังจากการติดตั้ง จึงเป็นท่อที่ตอบโจทย์การใช้งานในพื้นที่ที่ต้องการความแม่นยำในการควบคุมทิศทางลม ใช้งานดัดท่อให้โค้งไปในทิศทางที่ต้องการ เช่น โค้งไปตามผนัง มุมอาคาร หรือโครงสร้างต่างๆ ตัวท่อจะยังคงรูปร่างตามที่ดัดไว้โดย ไม่จำเป็นต้องใช้โครงยึด

คุณสมบัติเด่นอีกประการของท่อเฟล็กซ์อลูมิเนียมกึ่งแข็ง

คุณสมบัติเด่นอีกประการของท่อชนิดนี้คือ การทนต่ออุณหภูมิสูงได้ถึง 250°C และสามารถใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือมีไอน้ำ เช่น ในห้องครัวอุตสาหกรรม เตาอบ หรือโรงงานผลิตอาหาร นอกจากนี้ ท่ออลูมิเนียมยังไม่เกิดสนิมหรือการกัดกร่อนง่ายๆ จึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าท่อเหล็กหรือท่อพลาสติกบางชนิด ท่ออ่อนอลูมิเนียมแบบกึ่งแข็งยังเหมาะสำหรับการใช้งานกับระบบระบายอากาศ (Ventilation) และระบบดูดควัน (Exhaust) ทั้งในบ้านพักอาศัย อาคารสำนักงาน หรือโรงงานอุตสาหกรรม ด้วยโครงสร้างที่แข็งแรงแต่ดัดโค้งได้ ทำให้สามารถนำไปติดตั้งในพื้นที่เพดาน ซอกมุม หรือใต้พื้นได้อย่างสะดวก โดยไม่จำเป็นต้องใช้ข้อต่อหรือโครงยึดมากมาย

การวัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อ (Diameter)

  • การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางภายใน (Internal Diameter – ID):
    การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อ (ID) ทำได้โดยการใช้เครื่องมือวัดที่มีขนาดที่สามารถวัดได้ตรงกับขนาดภายในของท่อ เช่น เวอร์เนีย หรือเครื่องมือวัดขนาดท่อที่มีความแม่นยำสูง เมื่อวัดค่า ID อย่างถูกต้อง จะช่วยให้เลือกท่อที่มีขนาดเหมาะสมกับการใช้งาน เช่น ระบบระบายอากาศหรือระบบส่งของเหลวในท่อ.
  • การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอก (External Diameter – OD):
    การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกของท่อ ท่อเฟล็กซ์ (OD) ทำได้โดยการใช้เครื่องมือวัดที่เหมาะสม เช่น ไมโครมิเตอร์ หรือเครื่องมือวัดขนาดที่สามารถวัดได้ตรงกับเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกของท่อ หากต้องการคำนวณค่า OD จากเส้นรอบวง สามารถทำได้โดยการวัดเส้นรอบวงของท่อแล้วนำค่ามาหารด้วยค่าคงที่ (π หรือ 3.1416) เพื่อหาค่าเส้นผ่านศูนย์กลางที่ถูกต้อง.
  • การเลือกเครื่องมือวัดที่เหมาะสม:
    เพื่อให้การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางทั้งภายในและภายนอกเป็นไปได้อย่างแม่นยำ ควรเลือกเครื่องมือวัดที่มีความละเอียดสูงและเหมาะสมกับประเภทท่อที่ใช้งาน ตัวอย่างเช่น การใช้เวอร์เนียแบบดิจิตอลเพื่อความสะดวกและแม่นยำในการวัด หรือการใช้ไมโครมิเตอร์สำหรับท่อขนาดเล็กที่ต้องการความแม่นยำสูง.
  • การคำนวณเส้นผ่านศูนย์กลางจากเส้นรอบวง:
    หากการวัดเส้นผ่านศูนย์กลางเป็นเรื่องยากหรือไม่สะดวก สามารถใช้วิธีการคำนวณจากเส้นรอบวง (Circumference) ของท่อได้ โดยการวัดเส้นรอบวงแล้วนำค่ามาหารด้วยค่า π (3.1416) จะได้ค่าเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อ ซึ่งการคำนวณนี้เป็นวิธีที่ใช้กันบ่อยในกรณีที่ไม่สามารถวัดตรงกับเส้นผ่านศูนย์กลางได้

เครื่องมือวัดเส้นรอบวง (Circumference Tape or Measuring Tape): ในกรณีที่การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางตรงๆ ไม่สามารถทำได้ หรือเป็นท่อขนาดใหญ่ การวัดเส้นรอบวง (Circumference) ของท่อแล้วคำนวณเส้นผ่านศูนย์กลางสามารถทำได้โดยใช้เครื่องมือวัดเช่น เทปวัดที่มีความยืดหยุ่นและสามารถพันรอบท่อได้ จากนั้นใช้สูตรคำนวณเส้นผ่านศูนย์กลางโดยการหารเส้นรอบวงด้วยค่า π (ประมาณ 3.1416).
เวอร์เนียคาลิปเปอร์ (Vernier Caliper): เครื่องมือวัดที่นิยมใช้ในการวัดขนาดภายในและภายนอกของท่อได้อย่างแม่นยำ เวอร์เนียคาลิปเปอร์มีทั้งแบบดิจิตอลและแบบอนาล็อก ซึ่งสามารถวัดได้ทั้งเส้นผ่านศูนย์กลางภายใน (ID) และภายนอก (OD) โดยการใช้ปลายของเครื่องมือวัดสัมผัสกับขอบของท่อ เพื่อให้ได้ค่าที่ละเอียดและแม่นยำสูง.

ข้อดีของท่อเฟล็กซ์อลูมิเนียมนี้คือความเบา

อีกหนึ่งข้อดีของท่อชนิดนี้คือความเบา ทำให้ง่ายต่อการขนย้ายและติดตั้ง ไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการดัด หรือการปรับความยาว อีกทั้งยังสามารถตัดให้ได้ความยาวที่ต้องการได้ง่าย โดยใช้เพียงกรรไกรเหล็กหรือเลื่อยตัดเหล็กพื้นฐาน

สำหรับการใช้งานในด้านอุตสาหกรรม สามารถนำไปใช้ร่วมกับพัดลมดูดอากาศ เครื่องกรองอากาศ หรือระบบระบายไอสารเคมีในห้องแล็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังใช้ในงานที่เกี่ยวข้องกับความร้อน เช่น งานเชื่อม งานเป่าร้อน หรืองานอบแห้งที่ต้องการท่อที่ทนความร้อนและทนแรงลม

“ดัดอยู่ตัว” จึงเหมาะสำหรับงานที่ต้องการให้ท่อโค้งงอตามมุมต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้ข้อต่อหลายชิ้นหรืออุปกรณ์ช่วยเสริมความแข็งแรง เพราะเมื่อดัดแล้ว ตัวท่อสามารถยึดตำแหน่งได้ทันที ไม่คืนตัว ซึ่งแตกต่างจากท่อแบบยืดหยุ่นธรรมดาที่มักจะเด้งกลับและต้องใช้ตัวยึดช่วยให้คงรูป

ในทางปฏิบัติ ท่อชนิดนี้ช่วยให้การติดตั้งระบบระบายอากาศง่ายขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีข้อจำกัด เช่น เพดานต่ำ ซอกผนัง หรือพื้นที่ที่มีท่อและอุปกรณ์อื่นอยู่แล้ว ผู้ติดตั้งสามารถตัดความยาวที่ต้องการ ดัดให้เข้ารูป แล้วใช้งานได้เลยโดยไม่ต้องทำโครงสร้างเพิ่มเติม

ารางสรุปคุณสมบัติของ ท่อเฟล็กซ์อลูมิเนียมกึ่งแข็ง

คุณสมบัติรายละเอียด
วัสดุอลูมิเนียมบริสุทธิ์
ลักษณะการใช้งานดัดอยู่ตัว คงรูปได้ ไม่คลายตัว
น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก
ความยืดหยุ่นดัดงอได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องใช้ข้อต่อเสริม
ความทนทานไม่เป็นสนิม ทนต่อความชื้น ไอกรด และการกัดกร่อน
อุณหภูมิที่รองรับตั้งแต่ -30°C ถึง +250°C
ความแรงลมที่รองรับสูงสุดประมาณ 25–30 เมตร/วินาที
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง55 – 610 มม. (2.5 – 24 นิ้ว)
ความหนาของวัสดุประมาณ 115 ไมครอน
การติดตั้งตัด-ดัด-ใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่งโครงยึดหรืออุปกรณ์พยุงเพิ่มเติม

เฟล็กซ์อลูมิเนียมเหมาะสำหรับงานที่ต้องการรูปลักษณ์

เหมาะสำหรับงานที่ต้องการรูปลักษณ์หรือทิศทางของท่อที่แน่นอน เช่น ในห้องแล็บ ห้องครัวอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่ต้องควบคุมทิศทางการไหลของอากาศหรือควันอย่างแม่นยำ คุณสมบัติดัดอยู่ตัวนี้ช่วยให้การวางระบบเป็นระเบียบ ประหยัดพื้นที่ และดูแลรักษาง่าย ท่อ “คงรูป ดัดอยู่ตัว” ไม่ใช่แค่ท่อที่ดัดได้ แต่เป็นท่อที่ ดัดแล้วไม่เคลื่อนกลับ ช่วยให้การออกแบบและติดตั้งระบบระบายอากาศสะดวก รวดเร็ว และแม่นยำยิ่งขึ้น ทั้งในงานบ้านและงานอุตสาหกรรม.

การคงรูปได้หลังการดัด

อที่สามารถดัดโค้งตามทิศทางที่ต้องการได้ และเมื่อดัดแล้ว ท่อจะคงรูปร่างนั้นไว้ได้โดยไม่คืนตัวหรือคลายตัวกลับมาเหมือนเดิม ซึ่งคุณสมบัตินี้ทำให้ท่อชนิดนี้แตกต่างจากท่อยืดหยุ่นทั่วไปที่ต้องใช้ตัวยึดหรือโครงเสริมเพื่อคงรูป โดยวัสดุที่ใช้คืออลูมิเนียมบริสุทธิ์ที่ผ่านการขึ้นรูปเป็นลอนเกลียว ช่วยเสริมความแข็งแรงแต่ยังคงความยืดหยุ่นในการดัดงอได้ตามต้องการ

การคงรูปได้หลังการดัด ช่วยให้การติดตั้งท่อในพื้นที่แคบ ซับซ้อน หรือบริเวณที่ต้องการการจัดทิศทางลมอย่างแม่นยำทำได้ง่ายขึ้น ผู้ใช้งานสามารถตัดท่อให้ได้ความยาวที่เหมาะสม ดัดให้เข้ากับโครงสร้าง แล้วติดตั้งได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้โครงเหล็กหรืออุปกรณ์ช่วยพยุงท่อเพิ่มเติม ซึ่งช่วยประหยัดเวลา แรงงาน และลดต้นทุนในการติดตั้ง

ความสามารถในการ “ดัดอยู่ตัว” นี้ทำให้ท่อเหมาะสำหรับการใช้งานในหลากหลายสถานที่ เช่น ห้องครัวอุตสาหกรรม ที่ต้องการท่อระบายอากาศหรือดูดควันขนาดใหญ่ที่ต้องวิ่งตามผนัง เพดาน หรือเครื่องครัวหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ต้องต่อท่อเป็นหลายช่วงให้ยุ่งยาก และยังสามารถถอดเปลี่ยนหรือปรับตำแหน่งได้ง่ายหากต้องการแก้ไขในอนาคต

คุณสมบัติท่อเฟล็กซ์อลูมิเนียมในโรงงานอุตสาหกรรม

คุณสมบัติดังกล่าวยังเหมาะกับงานในโรงงานอุตสาหกรรม หรือสถานที่ที่ต้องการระบบระบายอากาศหรือดูดกลิ่น-ไอระเหย ที่ต้องเดินท่อตามโครงสร้างเครื่องจักรหรืออาคาร การมีท่อที่สามารถดัดได้และคงรูปร่างอยู่ตัวได้ทันที ทำให้การจัดวางและควบคุมทิศทางการไหลของลมทำได้แม่นยำ และลดการสูญเสียแรงลมจากการติดตั้งผิดตำแหน่ง เมื่อเทียบกับท่อชนิดอื่น เช่น ท่อยาง หรือท่อ PVC, ท่ออลูมิเนียมกึ่งแข็งที่คงรูปได้จะมีความทนทานต่อความร้อนและการกัดกร่อนได้ดีกว่า อีกทั้งไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์เสริมมากมาย จึงเป็นที่นิยมในงานที่ต้องการความคงทน ความแม่นยำ และความสะดวกในการติดตั้งและบำรุงรักษา เช่น ระบบระบายอากาศในครัว ห้องแล็บ และพื้นที่อุตสาหกรรมหนัก

คุณสมบัติของ ท่ออ่อนอลูมิเนียมกึ่งแข็ง มีดังนี้:

  • คงรูปได้ดี (ดัดอยู่ตัว) – สามารถดัดให้โค้งงอในทิศทางที่ต้องการ และคงรูปไว้ได้โดยไม่คลายตัว
  • น้ำหนักเบา – ผลิตจากอลูมิเนียม ทำให้ง่ายต่อการขนย้ายและติดตั้ง
  • ทนความร้อนสูง – รองรับอุณหภูมิการใช้งานตั้งแต่ -30°C ถึง +250°C
  • ไม่เกิดสนิมหรือการกัดกร่อน – เหมาะสำหรับการใช้งานในที่ชื้นหรือมีไอน้ำ
  • ยืดหยุ่นแต่แข็งแรง – ผสมผสานระหว่างความยืดหยุ่นและความทนทานในตัวเดียว
  • ติดตั้งง่าย – ไม่จำเป็นต้องใช้ข้อต่อหรือโครงยึดซับซ้อน
  • ใช้ได้กับระบบลมหลากหลาย – เช่น ระบายอากาศ ดูดควัน ดูดกลิ่น หรือไอระเหย
  • รองรับแรงลมได้สูง – รองรับแรงลมสูงสุดประมาณ 25–30 เมตร/วินาที
  • สามารถตัดความยาวได้ตามต้องการ – ปรับขนาดใช้งานได้ง่ายด้วยเครื่องมือพื้นฐาน
  • เหมาะกับการใช้งานทั้งภายในและภายนอกอาคาร – ใช้ได้ทั้งในครัว โรงงาน หรือพื้นที่เชิงพาณิชย์.