ตู้สแตนเลสราคาฝาทึบ 1 ชั้น
ตู้สแตนเลสราคาฝาทึบ 1 ชั้น คือ ตู้ไฟหรือกล่องควบคุมที่ผลิตจากสแตนเลส มีฝาเปิด-ปิดเพียงด้านเดียว ไม่มีช่องกระจกหรือหน้าต่าง และไม่มีการแยกชั้นภายในตู้ โดยทั่วไปจะเรียกว่า "ตู้ฝาเดี่ยว" หรือ "ตู้ฝาทึบ 1 ชั้น" (Single Door Solid Enclosure) ใช้งานเป็นตู้ควบคุมระบบไฟฟ้าหรือเครื่องจักร ป้องกันฝุ่น น้ำ และการกัดกร่อน ในโรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความชื้นหรือสารเคมี เหมาะกับงานกลางแจ้ง หรือพื้นที่ที่ต้องการความสะอาดสูง เช่น โรงงานอาหารและยา
ตู้สแตนเลสฝาทึบ คืออะไร? เหมาะกับงานแบบไหนบ้าง?
ตู้หรือกล่องที่ทำจากสแตนเลสทั้งใบ ใช้สำหรับ ติดตั้งและป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ หรืออุปกรณ์ควบคุมต่าง ๆ โดยมี ฝาทึบ 1 บาน ไม่มีหน้าต่างหรือช่องใส ซึ่งช่วย ป้องกันฝุ่น น้ำ ความชื้น และสิ่งแวดล้อมที่เป็นอันตราย ต่อระบบภายในตู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยทั่วไปตู้ประเภทนี้มักผลิตจาก สแตนเลสเกรด 304 หรือ 316 สแตนเลสเกรด 304: ใช้ในอุตสาหกรรมทั่วไป มีความทนทานต่อสนิม สแตนเลสเกรด 316: มีส่วนผสมของโมลิบดีนัม ทนต่อการกัดกร่อนสูง เหมาะกับพื้นที่ชายฝั่งหรืออุตสาหกรรมเคมี
การวัดขนาดของตู้ไฟฟ้าสแตนเลส (Diameter)
การวัดขนาดอย่างละเอียดจะช่วยให้การติดตั้งและการใช้งานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถรองรับอุปกรณ์หรือการใช้งานต่างๆ ได้อย่างพอดีและปลอดภัย.
- ความกว้าง (Width): วัดจากขอบด้านหน้าไปยังขอบด้านหลังของตู้ (จากด้านหน้าไปด้านหลัง)
- ความสูง (Height): วัดจากพื้นถึงยอดของตู้ (จากล่างสุดไปด้านบนสุด)
- ความลึก (Depth): วัดจากด้านหน้าของตู้ถึงด้านหลัง (มักจะใช้เมื่อต้องการตรวจสอบความลึกของช่องภายในตู้
- ขนาดของช่องเปิด (Door Opening Size): หากต้องการทราบขนาดของช่องที่เปิดปิดได้ ควรวัดจากขอบบานประตูด้านหนึ่งถึงขอบอีกด้าน
- ขนาดของแผงภายใน: หากต้องการติดตั้งอุปกรณ์ภายในตู้ ควรตรวจสอบพื้นที่การติดตั้งโดยการวัดช่องว่างระหว่างแผงหรือชั้นภายในตู้
- ปรับแต่งขนาดและรูปทรง: ภาพแสดงให้เห็นว่าตู้ไฟฟ้าสแตนเลสสามารถปรับเปลี่ยนขนาดและรูปทรงได้ตามต้องการ เพื่อให้เหมาะสมกับพื้นที่และการใช้งาน
- เลือกวัสดุ: สามารถเลือกวัสดุที่ใช้ผลิตตู้ไฟได้ เช่น สแตนเลสเกรดต่างๆ ซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในการใช้งาน
- เลือกประเภทของบานประตู: สามารถเลือกประเภทของบานประตูได้ เช่น บานประตูทึบ บานประตูที่มีช่องระบายอากาศ หรือบานประตูที่มีหน้าต่าง
- เลือกอุปกรณ์เสริม: สามารถเลือกอุปกรณ์เสริมต่างๆ ได้ เช่น กุญแจ มือจับ บานพับ หรือชั้นวางของ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน
- เลือกสี: สามารถเลือกสีได้ตามต้องการ เพื่อให้เข้ากับการตกแต่ง
- เลือกตำแหน่งและขนาดของรูเจาะ: สามารถกำหนดตำแหน่งและขนาดของรูเจาะสำหรับเดินสายไฟหรือติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ได้
คุณสมบัติเด่นของตู้ Stainless Steel
1. โครงสร้างแข็งแรง ทนต่อแรงกระแทก มีโครงสร้างที่ผลิตจากแผ่นสแตนเลสหนา (เช่น 1.2 – 2.0 มม.) ที่ผ่านการพับขึ้นรูปและเชื่อมมุมอย่างแข็งแรงมีความสามารถในการต้านทานแรงกระแทก แรงสั่นสะเทือน และการใช้งานหนักในสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรม เหมาะกับการติดตั้งในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการถูกชน หรือมีเครื่องจักรทำงานใกล้เคียง
2. กันน้ำ กันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP55 / IP66 มีซีลยางรอบบานพับฝาตู้ ซึ่งออกแบบมาให้แนบสนิทเมื่อปิดฝา ช่วยป้องกันฝุ่นละอองและน้ำจากภายนอกได้ดี ตู้ที่ได้มาตรฐาน IP66 ป้องกันฝุ่นได้ 100% และป้องกันน้ำจากการฉีดด้วยแรงดันสูงเหมาะกับการใช้งานทั้ง ภายใน และ ภายนอกอาคาร
3. ต้านทานการกัดกร่อนสูง ไม่เป็นสนิม ด้วยการใช้ สแตนเลสเกรด 304 หรือ 316 ซึ่งมีคุณสมบัติทนทานต่อความชื้น สารเคมี และไอเค็มเกรด 304: ใช้งานทั่วไป ทนสนิมได้ดี เกรด 316: เพิ่มโมลิบดีนัม ทนต่อสารเคมีรุนแรงหรือพื้นที่ใกล้ทะเลตู้สามารถใช้งานได้ยาวนานโดยไม่เกิดสนิม แม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีไอเค็มหรือความชื้นสูง
4. พื้นผิวเรียบ ทำความสะอาดง่าย พื้นผิวสแตนเลสขัดมัน (Brushed Finish หรือ BA Finish) ช่วยให้ตู้ดูสะอาด เรียบร้อย และลดการเกาะของฝุ่นหรือคราบสกปรกไม่มีพื้นผิวซับซ้อนหรือรอยต่อที่อาจกักเก็บเชื้อโรค จึง เหมาะกับงานที่ต้องการสุขอนามัยสูง เช่น โรงงานผลิตอาหาร, ห้อง Clean Room, อุตสาหกรรมยา
5. รองรับการติดตั้งอุปกรณ์ภายในได้หลากหลาย ภายในตู้มักมีแผ่นเพลต (Mounting Plate) สำหรับติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น: เบรกเกอร์, คอนแทคเตอร์, รีเลย์, อินเวอร์เตอร์ อุปกรณ์ควบคุมอัตโนมัติ เช่น PLC, HMI บางรุ่นสามารถสั่งผลิตให้มีราง DIN Rail หรือชุดยึดเสริมเพิ่มเติม ตู้สแตนเลส
6. รองรับการติดตั้งแบบแขวนหรือยึดผนัง ด้านหลังของตู้มักมีหูยึด (Mounting Brackets) สำหรับติดตั้งกับผนังหรือเสา บางรุ่นสามารถเพิ่มขาเหล็กหรือหลังคาสโลป เพื่อยกตู้ให้สูงขึ้นจากพื้น หรือป้องกันน้ำขัง
ตารางเปรียบเทียบตู้สแตนเลสราคา 304 กับ 316
หัวข้อ | สแตนเลส 304 | สแตนเลส 316 |
---|---|---|
ความทนทานต่อสนิม | ทนสนิมทั่วไป | ทนสนิมระดับสูง โดยเฉพาะไอเค็ม/ทะเล |
ทนสารเคมี | พอใช้ในสารเคมีเบา | ดีมาก ทนต่อกรด-ด่างและไอเคมีเข้มข้น |
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม | ภายในอาคาร, โรงงานทั่วไป | กลางแจ้ง, พื้นที่ติดทะเล, โรงงานเคมี |
ราคาต่อหน่วย (โดยประมาณ) | ต่ำกว่า | สูงกว่า 15–30% |
อายุการใช้งาน | ยาวนานในสภาพแวดล้อมทั่วไป | ยาวนานกว่าในสภาพแวดล้อมรุนแรง |
รูปลักษณ์ภายนอก | เงาเรียบ ดูดี | เงาเช่นเดียวกัน แต่ทนเคมีและสนิมดีกว่า |
เหมาะกับงานประเภทไหน | ตู้ควบคุมทั่วไป, งานในร่ม | ตู้คอนโทรลกลางแจ้ง, อุตสาหกรรมอาหาร/ยา |
ข้อควรระวัง | ไม่แนะนำให้ใช้ในพื้นที่ไอเค็มจัด | ควรใช้เมื่อต้องการต้านสนิมระดับสูง |
มาตรฐานอุตสาหกรรม | รองรับ IP55/IP66 | รองรับ IP55/IP66 พร้อมความทนเคมีเพิ่ม |
5 ปัจจัยที่ควรรู้ก่อนเลือกตู้สแตนเลสราคาฝาทึบ
มื่อต้องติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าในโรงงานหรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ความชื้น ฝุ่น หรือสารเคมี การเลือกใช้ ตู้ควบคุมไฟฟ้าแบบสแตนเลส (Stainless Steel Electrical Enclosure) ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม แต่การจะเลือกให้ “เหมาะสมและคุ้มค่า” ต้องพิจารณามากกว่าแค่รูปลักษณ์ มาดูกันว่า 5 ปัจจัยสำคัญ ที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อตู้มีอะไรบ้าง
5 ปัจจัยที่ควรรู้ก่อนเลือกตู้ควบคุมไฟฟ้า
1. เลือกเกรดสแตนเลสให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม สแตนเลสมีหลายเกรด แต่ที่นิยมใช้ในงานอุตสาหกรรมคือ:304: ทนสนิมได้ดี เหมาะสำหรับใช้งานในอาคารหรือพื้นที่ทั่วไป316: มีส่วนผสมของโมลิบดีนัม ช่วยเพิ่มความต้านทานการกัดกร่อน เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีไอเค็ม เช่น ชายฝั่งทะเล หรือโรงงานเคมีหากหน้างานของคุณอยู่กลางแจ้งหรือใกล้แหล่งน้ำทะเล การเลือกเกรด 316 จะเพิ่มอายุการใช้งานและลดความเสี่ยงที่ตู้จะเป็นสนิม
2. พิจารณามาตรฐานการกันน้ำและฝุ่น (IP Rating) มาตรฐาน IP (Ingress Protection) บ่งบอกถึงความสามารถในการป้องกันน้ำและฝุ่น IP65: ป้องกันฝุ่นได้ 100% และกันน้ำจากการฉีดด้วยแรงดันIP66: กันน้ำจากการฉีดแรงดันสูงได้ดีขึ้น สำหรับงานควบคุมไฟฟ้า ควรเลือกตู้ที่มีมาตรฐาน IP65 หรือสูงกว่า เพื่อความปลอดภัยของอุปกรณ์ภายใน
3. เลือกขนาดและรูปแบบที่รองรับอุปกรณ์ได้ครบถ้วน ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต้องติดตั้ง เช่น เบรกเกอร์, รีเลย์, PLC, หรือ HMI มีพื้นที่เพียงพอหรือไม่ พิจารณาความหนาของแผ่นเพลตภายในว่ารับน้ำหนักอุปกรณ์ได้หรือไม่หากมีอุปกรณ์หลายชิ้น ควรเลือก ตู้ 2 ชั้น หรือรุ่นที่รองรับการติดตั้งหลายจุด เช่น ตู้ที่มี DIN Rail หรือช่องแบ่งพิเศษ
ตู้สแตนเลสราคาฝาทึบ 1 ชั้น VS 2 ชั้น ต่างกันอย่างไร
การเลือกใช้แบบ 1 ชั้น หรือ 2 ชั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและความต้องการเฉพาะของแต่ละงาน มาดูรายละเอียดและการเปรียบเทียบเพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกใช้ประเภทต่างๆ:
⚙️ ตู้สแตนเลสฝาทึบ 1 ชั้น ลักษณะและการใช้งาน: ตู้แบบ 1 ชั้นจะมีแผ่นภายในเดียว ไม่มีการแยกพื้นที่ เหมาะสำหรับการใช้งานที่ไม่ต้องการแยกช่องหรือจัดเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้าหลายประเภทภายในตู้ การติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น เบรกเกอร์, คอนแทคเตอร์ สามารถติดตั้งได้ง่ายภายในตู้หนึ่งช่อง เหมาะสำหรับงานที่ไม่ซับซ้อน หรือพื้นที่ที่ไม่ต้องการการจัดการอุปกรณ์ไฟฟ้าที่แยกออกจากกัน
⚙️ ตู้สแตนเลสฝาทึบ 2 ชั้น ลักษณะและการใช้งาน: ตู้แบบ 2 ชั้นจะมีแผ่นภายในที่แยกเป็นสองชั้น เช่น ชั้นบนสำหรับการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า และชั้นล่างสำหรับการเชื่อมต่อหรือการติดตั้งระบบอื่นๆ เหมาะสำหรับการใช้งานที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าหลายประเภท และต้องการแยกช่องสำหรับการจัดเก็บอุปกรณ์อย่างเป็นระเบียบเหมาะสำหรับงานที่มีความซับซ้อน หรือสถานที่ที่ต้องการการจัดการอุปกรณ์ที่แยกกันอย่างชัดเจน
ข้อดี: เพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บอุปกรณ์และแยกส่วนประกอบต่างๆ การบำรุงรักษาง่ายขึ้น เพราะแยกอุปกรณ์ออกจากกัน เหมาะสำหรับการใช้งานที่มีการติดตั้งอุปกรณ์หลายประเภท
ตู้สแตนเลสราคาฝาทึบดีกว่าตู้เหล็กพ่นสียังไง? เปรียบเทียบ
1. ตู้สแตนเลสฝาทึบ วัสดุ:ทำจากสแตนเลสซึ่งทนทานต่อการกัดกร่อนจากน้ำ, สนิม, และสารเคมี สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือสารเคมีได้ดี เช่น งานในอุตสาหกรรมเคมี อุตสาหกรรมอาหาร หรือในพื้นที่ที่ใกล้กับทะเล
- ทนทานต่อการกัดกร่อน: สแตนเลส (โดยเฉพาะเกรด 304 หรือ 316) ทนทานต่อการกัดกร่อนจากน้ำทะเล, สารเคมี, และสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง
- ไม่เป็นสนิม: ไม่ต้องกังวลเรื่องการเกิดสนิมหากใช้ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง หรือในสภาพแวดล้อมที่มีการสัมผัสกับน้ำบ่อย
- อายุการใช้งานยาวนาน: เพราะไม่มีปัญหาเรื่องสนิมหรือลอกของสี เมื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง อายุการใช้งานจะยาวนาน
- การดูแลรักษาง่าย: ไม่ต้องทาสีใหม่เมื่อสีหลุดลอก สามารถทำความสะอาดได้ง่าย
- ทนทานต่อความร้อนสูง: เหมาะสำหรับงานที่ต้องทนต่ออุณหภูมิสูงหรือต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว
2. ตู้เหล็กพ่นสี วัสดุ: ทำจากเหล็กกล้าเคลือบสี โดยทั่วไปจะพ่นสีเพื่อป้องกันการกัดกร่อนจากน้ำและสภาพแวดล้อมทั่วไป
- ราคาถูกกว่า: เนื่องจากใช้วัสดุเหล็กธรรมดาและกระบวนการผลิตที่ไม่ซับซ้อน ทำให้ราคาถูกกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับตู้ไฟสแตนเลส
- น้ำหนักเบากว่า: ตู้เหล็กพ่นสีมีน้ำหนักเบากว่าตู้สแตนเลสราคา ทำให้การติดตั้งสะดวกและง่ายขึ้น
- การผลิตง่าย: สามารถผลิตตามแบบที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย เช่น ความหลากหลายของสีหรือลวดลายที่แตกต่างกัน
- ความสวยงาม: เนื่องจากมีการพ่นสีที่หลากหลาย สีของตู้สามารถเข้ากับการตกแต่งหรือสภาพแวดล้อมได้ง่าย