สยามร่วมค้า | ศูนย์รวมอุปกรณ์ป้องกันสายไฟและท่อลมอุตสาหกรรมมาตรฐานสากล
ท่อเฟล็กซ์ร้อยสายไฟกันน้ำ คือ ท่ออ่อนที่ใช้สำหรับป้องกันและจัดระเบียบสายไฟฟ้า มีโครงสร้างภายในเป็นเหล็กชุบสังกะสีที่มีคุณสมบัติแข็งแรง ทนต่อแรงดึงและแรงกระแทก ส่วนผิวภายนอกถูกเคลือบด้วยวัสดุ PVC ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันน้ำ ความชื้น ฝุ่นละออง และสารเคมีต่างๆ ได้อย่างดี จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานติดตั้งระบบไฟฟ้าในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย
ขนาด (นิ้ว) | เส้นผ่าศูนย์กลางภายใน | เส้นผ่าศูนย์กลางภายนอก | รัศมีรอบวงต่ำสุด (มม.) | ความยาวต่อม้วน (เมตร) |
1/2″ | 15.70±1 (mm.) | 20.80±1 (mm.) | 70 | 60 |
3/4″ | 20.70±1 (mm.) | 26.70±1 (mm.) | 100 | 30 |
1″ | 26.20±1 (mm.) | 33.40±1 (mm.) | 180 | 30 |
ความแข็งแรงควบคู่กับความยืดหยุ่น ท่อสามารถโค้งงอได้ง่ายโดยไม่เสียรูป ช่วยให้สามารถติดตั้งในพื้นที่จำกัดหรือพื้นที่ที่มีความซับซ้อนได้สะดวก ไม่จำเป็นต้องใช้ข้อต่อจำนวนมาก ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง อีกทั้งยังเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานด้วยการลดโอกาสที่สายไฟจะถูกบีบหรือหักงอจนเกิดความเสียหาย การเคลือบ PVC บนท่อช่วยเพิ่มความสามารถในการกันน้ำและกันความชื้นได้ดีเยี่ยม ทำให้ท่อสามารถปกป้องสายไฟจากน้ำ ไอน้ำ หรือไอระเหยจากน้ำมันและสารเคมีที่มักพบในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้สายไฟเสื่อมสภาพหรือเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ดังนั้นท่อชนิดนี้จึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้สำหรับการใช้งานในระยะยาว
เครื่องมือวัดเส้นรอบวง (Circumference Tape or Measuring Tape): ในกรณีที่การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางตรงๆ ไม่สามารถทำได้ หรือเป็นท่อขนาดใหญ่ การวัดเส้นรอบวง (Circumference) ของท่อแล้วคำนวณเส้นผ่านศูนย์กลางสามารถทำได้โดยใช้เครื่องมือวัดเช่น เทปวัดที่มีความยืดหยุ่นและสามารถพันรอบท่อได้ จากนั้นใช้สูตรคำนวณเส้นผ่านศูนย์กลางโดยการหารเส้นรอบวงด้วยค่า π (ประมาณ 3.1416).
เวอร์เนียคาลิปเปอร์ (Vernier Caliper): เครื่องมือวัดที่นิยมใช้ในการวัดขนาดภายในและภายนอกของท่อได้อย่างแม่นยำ เวอร์เนียคาลิปเปอร์มีทั้งแบบดิจิตอลและแบบอนาล็อก ซึ่งสามารถวัดได้ทั้งเส้นผ่านศูนย์กลางภายใน (ID) และภายนอก (OD) โดยการใช้ปลายของเครื่องมือวัดสัมผัสกับขอบของท่อ เพื่อให้ได้ค่าที่ละเอียดและแม่นยำสูง.
ท่อเฟล็กซ์ร้อยสายไฟกันน้ำ ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการติดตั้งทั้ง ภายในและภายนอกอาคาร เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องเผชิญกับฝุ่นละออง ความร้อน หรือความชื้นจากสภาพแวดล้อมภายนอก เช่น ลานอุตสาหกรรม โกดัง หรือพื้นที่ก่อสร้าง นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในอาคารสำนักงานหรือที่พักอาศัย ในบริเวณที่ไม่สามารถเดินสายไฟเปลือยได้โดยตรง เช่น ใต้พื้น ฝ้าเพดาน หรือผนังฉาบ
ท่อชนิดนี้ยังนิยมใช้ใน เครื่องจักรอุตสาหกรรม ที่มีการเคลื่อนไหวหรือสั่นสะเทือนสูง เพราะมีความยืดหยุ่นดี ไม่แตกหักง่าย และไม่ทำให้สายไฟภายในเสียหายจากแรงเสียดทาน ช่วยให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างราบรื่นต่อเนื่อง ลดปัญหาการหยุดชะงักของกระบวนการผลิต อีกทั้งยังสามารถใช้ร่วมกับข้อต่อหรืออุปกรณ์เสริมเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการดูแลรักษา
PVC-Steel Flexible Conduit ควรพิจารณาตามลักษณะของงานและสภาพแวดล้อม เช่น หากต้องติดตั้งในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง ควรเลือกท่อที่มีมาตรฐานการป้องกันน้ำ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าท่อสามารถป้องกันน้ำซึมเข้าไปทำลายสายไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังควรเลือกขนาดของท่อให้เหมาะสมกับปริมาณสายไฟที่ต้องการร้อยผ่าน โดยควรเผื่อพื้นที่ภายในท่ออย่างน้อย 20-30% เพื่อป้องกันความร้อนสะสมและง่ายต่อการดึงสาย
ในด้านมาตรฐานความปลอดภัย ผ่านการรับรองจากมาตรฐานสากล เช่น UL, CE หรือ RoHS ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการยืนยันว่าผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัย ไม่ลามไฟ และไม่มีสารอันตรายที่ส่งผลต่อผู้ใช้งานหรือสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีข้อกำหนดด้านความปลอดภัยที่เข้มงวด ท่อที่ผ่านมาตรฐานเหล่านี้จะช่วยให้การติดตั้งระบบไฟฟ้าสามารถดำเนินได้อย่างมั่นใจและถูกต้องตามข้อกำหนด
ขนาด (นิ้ว) | เส้นผ่าศูนย์กลางภายใน (mm) | เส้นผ่าศูนย์กลางภายนอก (mm) | รัศมีโค้งต่ำสุด (mm) | ความยาวต่อม้วน (เมตร) |
---|---|---|---|---|
1/2″ | 15.70 ±1 | 20.80 ±1 | 70 | 60 |
3/4″ | 20.70 ±1 | 26.70 ±1 | 100 | 30 |
1″ | 26.20 ±1 | 33.40 ±1 | 180 | 30 |
หากต้องการเพิ่มขนาดเพิ่มเติมสอบถามได้ที่ฝ่ายขายค่ะ
โดยแต่ละขนาดถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับลักษณะงานติดตั้งและปริมาณสายไฟที่ต้องร้อยผ่าน เพื่อให้การใช้งานมีประสิทธิภาพสูงสุด ข้อมูลในตารางประกอบด้วยขนาดท่อในหน่วยนิ้ว พร้อมค่าที่สำคัญ เช่น เส้นผ่าศูนย์กลางภายในและภายนอก รัศมีโค้งต่ำสุด และความยาวต่อม้วน ซึ่งมีผลต่อการเลือกใช้งานจริงในภาคสนาม
ขนาด 1/2 นิ้ว มีเส้นผ่าศูนย์กลางภายในประมาณ 15.70 มม. และเส้นผ่าศูนย์กลางภายนอกอยู่ที่ประมาณ 20.80 มม. เหมาะสำหรับใช้งานกับสายไฟขนาดเล็กหรือการติดตั้งในพื้นที่แคบที่ไม่ต้องการโหลดสายจำนวนมาก จุดเด่นของขนาดนี้คือมีรัศมีโค้งต่ำสุดเพียง 70 มม. ทำให้สามารถโค้งงอได้ง่าย เหมาะกับงานเดินสายในตู้ควบคุม หรือตามมุมต่าง ๆ ของเครื่องจักร และความยาวต่อม้วนอยู่ที่ 60 เมตร จึงเหมาะสำหรับงานติดตั้งในพื้นที่กว้าง
ขนาด 3/4 นิ้ว มีเส้นผ่าศูนย์กลางภายในประมาณ 20.70 มม. และเส้นผ่าศูนย์กลางภายนอกประมาณ 26.70 มม. ซึ่งให้พื้นที่ภายในมากขึ้น รองรับสายไฟขนาดใหญ่หรือจำนวนหลายเส้นได้ดี รัศมีโค้งต่ำสุดที่ 100 มม. ช่วยให้ติดตั้งได้อย่างยืดหยุ่น โดยไม่เสี่ยงต่อการหักงอของท่อหรือลวดทองแดงภายในสายไฟ ขนาดนี้เป็นที่นิยมในงานอุตสาหกรรมขนาดกลาง เช่น ระบบไฟเครื่องจักรทั่วไป ความยาวต่อม้วนอยู่ที่ 30 เมตร
สำหรับขนาด 1 นิ้ว มีเส้นผ่าศูนย์กลางภายในประมาณ 26.20 มม. และภายนอกประมาณ 33.40 มม. ให้พื้นที่ในการร้อยสายไฟได้มากขึ้นอีกระดับ รองรับทั้งสายแรงดันสูงหรือกลุ่มสายไฟที่มีปลอกป้องกันเพิ่มเติม รัศมีโค้งต่ำสุดอยู่ที่ 180 มม. จึงเหมาะกับงานที่ต้องใช้ท่อโค้งในรัศมีที่กว้างขึ้น เช่น งานติดตั้งระบบไฟหลักในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ หรือในโครงสร้างอาคารสูง โดยความยาวต่อม้วนจะอยู่ที่ 30 เมตรเช่นกัน
ป็นค่าที่สำคัญอย่างยิ่งในการพิจารณาเลือกใช้ท่อ เพราะหากโค้งท่อเกินกว่ารัศมีที่กำหนด อาจทำให้ท่อเสียรูปหรือสายไฟภายในบิดงอจนเสียหายได้ การเลือกท่อที่มีรัศมีโค้งเหมาะสมกับพื้นที่ติดตั้งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของทั้งท่อและสายไฟ ลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย และทำให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่อง ความยาวต่อม้วนก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรคำนึงถึงในการเลือกใช้ท่อ ท่อขนาดเล็กอย่าง 1/2 นิ้วจะมีความยาวต่อม้วนมากถึง 60 เมตร ซึ่งเหมาะสำหรับงานติดตั้งระยะไกลหรือต้องการเดินท่ออย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องเชื่อมต่อหลายท่อน ในขณะที่ขนาดใหญ่ขึ้นจะลดความยาวต่อม้วนลงเหลือ 30 เมตร เพื่อให้ง่ายต่อการขนย้ายและติดตั้งในหน้างาน ความเข้าใจในรายละเอียดของแต่ละขนาดจะช่วยให้สามารถเลือกใช้ท่อเฟล็กซ์ได้อย่างเหมาะสมกับงาน
การใช้งาน ท่อเฟล็กซ์ร้อยสายไฟ จะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อใช้งานร่วมกับ อุปกรณ์เสริมที่เหมาะสม เช่น ข้อต่อเกลียวล็อก ปลอกกันน้ำ และคลิปยึดท่อ ซึ่งช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่างท่อกับกล่องไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ มีความแน่นหนา ป้องกันน้ำ ฝุ่น และแรงดึงจากการเคลื่อนไหวของสายไฟ โดยเฉพาะในระบบไฟฟ้าแบบไดนามิกที่สายไฟมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา เช่น แขนกล หุ่นยนต์ หรือเครื่องจักรในสายการผลิต การเลือกใช้อุปกรณ์เสริมที่ถูกต้องยังช่วยยืดอายุการใช้งานของทั้งสายไฟและท่อได้อีกด้วย
แม้ท่ออ่อน PVC-Steel จะมีความแข็งแรงและทนทานสูง แต่ในการใช้งานจริงยังควรคำนึงถึง ข้อควรระวัง เช่น หลีกเลี่ยงการดัดท่อเกินรัศมีโค้งต่ำสุดที่ระบุไว้ในตาราง เพราะอาจทำให้โครงสร้างเหล็กภายในเสียรูปและฉนวน PVC ด้านนอกแตกร้าวได้ นอกจากนี้ การเลือกใช้ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงเกินกว่าที่ PVC จะทนได้ (โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 70–90°C) อาจส่งผลให้ท่อเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร และควรหลีกเลี่ยงการใช้งานร่วมกับสารเคมีรุนแรงที่ไม่ได้ระบุว่าสามารถทนได้โดยตรง ทั้งหมดนี้จะช่วยให้การติดตั้งระบบเป็นไปอย่างมั่นใจและปลอดภัยสูงสุด