ท่อลม PU โพลียูรีเทนลวดทองแดง 4 นิ้ว
ท่อลมโพลียูรีเทน คือท่ออ่อนอุตสาหกรรมขนาด 4″ ผลิตจากโพลียูรีเทนที่มีความยืดหยุ่นสูง และเสริมเกลียวด้วย ลวดทองแดง (copper wire) ภายในผนังท่อ ทำให้ท่อคงรูปเมื่อดัดโค้งและไม่ยุบตัวเมื่อต้องรับแรงดูด ใช้สำหรับการดูด–ส่งอากาศ ฝุ่น ผง เม็ดพลาสติก รวมถึงควันไอระเหยในงานอุตสาหกรรมและงานซ่อมบำรุงต่าง ๆ
หมวดหมู่สินค้า
โครงสร้างท่อลม PU โพลียูรีเทน
ท่อลมโพลียูรีเทนลวดทองแดง 4 นิ้ว โครงสร้างทั่วไปจะเป็นผนัง PU หนา/บางตามสเปค โดยเกลียวลวดทองแดงพันเป็นสปริงตลอดแนวท่อ ช่วยเพิ่มความแข็งแรงเชิงกลและรักษาการไหลของท่อให้เสถียร ท่อแบบใส (clear) ช่วยให้มองเห็นการไหลภายในได้ ขณะที่ท่อ PU มีหลายสูตร (polyether vs polyester PU) ที่ให้สมบัติด้านการทนชื้นหรือการทนสารเคมีต่างกัน — ควรเลือกตามสภาพการใช้งานจริง
ข้อได้เปรียบเชิงวิศวกรรมท่อลม PU
ข้อได้เปรียบเชิงวิศวกรรมคือ PU ทนต่อการขูดขีดและการสึกหรอได้ดีกว่า PVC/ยางทั่วไป น้ำหนักเบา ทำงานได้ในช่วงอุณหภูมิที่กว้าง (โดยทั่วไป ~-30°C ถึง +120°C ขึ้นกับชนิด) และทนการโค้งงอได้บ่อยครั้ง ลวดทองแดงมีหน้าที่เป็นโครงเสริมและเป็นตัวนำไฟฟ้า—สามารถต่อกราวด์เพื่อลดการสะสมประจุไฟฟ้าสถิต จึงสำคัญเมื่อลำเลียงวัสดุไวไฟหรือฝุ่นละเอียด
- วัสดุ: โพลียูรีเทน (PU) เสริมลวดทองแดง
- ขนาด: 4 นิ้ว
- โปร่งใส มองเห็นการไหลภายใน
- ยืดหยุ่นสูง ทนแรงดันและแรงดูด
- ทนต่อสารเคมี น้ำมัน และไขมันได้ดี
- ช่วงอุณหภูมิการใช้งาน: ประมาณ -30°C ถึง 120°C
สรุปคุณสมบัติเด่น ท่อลม PU โพลียูรีเทน
โดดเด่นด้วย ความยืดหยุ่นสูง น้ำหนักเบา และทนการสึกหรอ เหมาะกับงานดูด–ส่งอากาศ ฝุ่น ผง และเม็ดพลาสติก ลวดทองแดงภายในช่วย คงรูป ป้องกันการยุบตัว และต่อกราวด์เพื่อลดไฟฟ้าสถิต ได้ เพิ่มความปลอดภัยในงานที่มีฝุ่นติดไฟง่าย ตัวท่อทำจาก โพลียูรีเทนใส ทำให้มองเห็นการไหลภายใน ตรวจสอบความสะอาดและการอุดตันได้สะดวก อีกทั้งยัง ทนสารเคมี น้ำมัน และไขมันได้ดี ใช้งานได้ในช่วงอุณหภูมิประมาณ -30°C ถึง 120°C จึงเหมาะกับหลายอุตสาหกรรม เช่น อาหาร ยา พลาสติก ไม้ และยานยนต์
1. ความยืดหยุ่นสูง (High flexibility)
ท่อลมดูด-ส่งโพลียูริเทน มีความยืดหยุ่นมากกว่าท่อ PVC และท่อยางหลายชนิด ทำให้สามารถดัดโค้งได้รัศมีแคบโดยไม่เกิดรอยพับถาวรหรือแตก เหมาะสำหรับการติดตั้งในพื้นที่แคบ ๆ หรือในเส้นทางที่มีข้อโค้งหลายจุด และยังรองรับการเคลื่อนไหว/สั่นสะเทือนของเครื่องจักรได้ดี
2. ความทนทานต่อการสึกหรอ (Excellent abrasion resistance)
ผิวชั้นในของโพลียูริเทนมีความทนต่อการขูดขีดและการเสียดสีจากอนุภาคแข็งสูง จึงเหมาะสำหรับการลำเลียงผง เม็ด หรือวัสดุมีขนาดเล็กที่อาจทำให้เกิดการสึกกร่อนภายในท่อบ่อย ๆ ผลลัพธ์คืออายุการใช้งานยาวขึ้นและลดความถี่การเปลี่ยนท่อ
3. โครงสร้างเสริมลวดทองแดง (Structural stability from copper wire)
ลวดทองแดงที่พันเป็นเกลียวภายในท่อทำหน้าที่เป็นโครงเสริม ป้องกันการยุบตัวเมื่อใช้กับแรงดูด (vacuum) และช่วยให้ท่อคงหน้าตัดไม่แบน ลดการเกิด bottleneck ในระบบลำเลียง ทำให้การไหลมีความเสถียรขึ้น
4. การต่อลงกราวด์และป้องกันไฟฟ้าสถิต (Conductivity & antistatic capability)
ลวดทองแดงเป็นตัวนำไฟฟ้าดี สามารถต่อสายกราวด์เพื่อลดการสะสมประจุไฟฟ้าสถิตได้จริง ซึ่งสำคัญเมื่อลำเลียงวัสดุไวไฟหรือฝุ่นละเอียดที่อาจก่อให้เกิดประกายไฟ — ต้องติดตั้งการต่อกราวด์อย่างถูกวิธีและตรวจวัดความต่อเนื่องเป็นระยะ
5. ความโปร่งใสช่วยการตรวจสอบ (Transparency for easy inspection)
รุ่นที่เป็นท่อใสช่วยให้มองเห็นการไหลภายในได้โดยตรง สามารถตรวจจับการอุดตัน สิ่งแปลกปลอม หรือการสะสมของวัสดุได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในงานที่ต้องการความสะอาด เช่น อุตสาหกรรมอาหารและยา
6. ความต้านทานต่อสารเคมีและน้ำมัน (Good chemical & oil resistance — with limits)
PU ทั่วไปทนต่อไขมัน น้ำมันหล่อลื่น และสารเคมีเจือจางได้ดี จึงเหมาะกับงานที่มีการสัมผัสสารเหล่านี้เป็นประจำ แต่ไม่ทนต่อสารทำละลายแรง ๆ (เช่น คีโตน/อะโรเมติกบางชนิด) หรือกรด–ด่างเข้มข้น การใช้งานกับสารเฉพาะจึงควรเช็ค compatibility ก่อนใช้งานจริง
วิธีเลือกขนาดท่อลม PU ที่เหมาะสมกับระบบดูด–ส่งอากาศ
การเลือกท่อเฟล็กซ์โพลียูรีเทน (PU Duct Hose) ให้เหมาะสมกับงานดูด–ส่งอากาศ ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงาน ความปลอดภัย และอายุการใช้งานของท่อ หากเลือกขนาดไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดการอุดตัน การรั่วไหล หรือแรงดันอากาศไม่เพียงพอ ดังนั้น การเลือกจึงควรพิจารณาปัจจัยหลายด้านประกอบกัน
1. ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางท่อ (Diameter)
ขนาดท่อเป็นปัจจัยหลักในการเลือก โดยทั่วไปจะมีตั้งแต่ 1 นิ้ว ไปจนถึง 12 นิ้วขึ้นไป การเลือกควรอิงจากปริมาณอากาศหรือวัสดุที่ต้องการดูด–ส่ง หากต้องใช้กับเครื่องดูดฝุ่นอุตสาหกรรมหรือระบบลำเลียงฝุ่น/ผง ควรเลือกท่อที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว้างพอสมควร เช่น 3–6 นิ้ว เพื่อป้องกันการอุดตัน
2. ความหนาของท่อ (Thickness)
มีทั้งแบบบาง น้ำหนักเบา และแบบหนา เสริมความทนทาน การเลือกขึ้นอยู่กับลักษณะงาน หากต้องดูด–ส่งผงเบาๆ อาจเลือกท่อบางเพื่อลดต้นทุน แต่หากเป็นงานที่ต้องการความทนทานสูง เช่น ดูดเศษวัสดุคม หรือใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ควรเลือกแบบหนาเพื่อยืดอายุการใช้งาน
3. ความยาวท่อ (Length)
ท่อที่ยาวเกินไปอาจทำให้แรงดันอากาศตกลง ทำให้ประสิทธิภาพการดูด–ส่งลดลง ในขณะที่ท่อที่สั้นเกินไปอาจไม่สะดวกต่อการติดตั้ง ควรคำนวณความยาวที่พอดี โดยพิจารณาเส้นทางการวางท่อและมุมโค้งต่างๆ เพื่อให้ระบบทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
4. การทนแรงดันและสุญญากาศ (Pressure & Vacuum Resistance)
ออกแบบให้ทนแรงดันสูง เหมาะสำหรับงานเป่าลม ขณะที่บางรุ่นเน้นทนแรงดูดหรือสุญญากาศ เหมาะสำหรับงานดูดฝุ่นและลำเลียงผง ผู้ใช้งานควรตรวจสอบค่ามาตรฐานจากผู้ผลิตก่อนเลือกใช้งาน
5. สภาพการใช้งาน (Environment)
หากท่อถูกใช้งานในโรงงานอาหารหรือยา ควรเลือกท่อใส เพื่อความปลอดภัยและตรวจสอบความสะอาดได้ง่าย หากใช้งานในสภาพที่มีสารเคมี น้ำมัน หรือความร้อนสูง ควรเลือกท่อ PU ที่ออกแบบมาให้ทนสารเคมีและทนความร้อนได้โดยเฉพาะ
6. การเสริมลวดทองแดงหรือเหล็ก (Wire Reinforcement)
มีการเสริมลวดทองแดงหรือเหล็กเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและป้องกันการยุบตัวเมื่อต้องดูด–ส่งแรงดันสูง นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไฟฟ้าสถิต (Anti-Static) เหมาะสำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับฝุ่นผงที่ติดไฟง่าย เช่น ฝุ่นไม้ หรือผงแป้ง
สรุปการใช้งานและการบำรุงรักษา
ท่อลม PU ลวดทองแดงขนาด 4 นิ้ว เหมาะสำหรับระบบดูด–ส่งอากาศ ฝุ่น และผงวัสดุในโรงงานอุตสาหกรรม เนื่องจากมีโครงสร้างโปร่งใส ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถมองเห็นการไหลของวัสดุภายในท่อได้ชัดเจน อีกทั้งยังรองรับการขนส่งวัสดุเม็ด เช่น พลาสติก ยาง หรืออาหารเม็ดเล็กๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จุดเด่นของการเสริมลวดทองแดงคือช่วยให้ท่อทนแรงดันและแรงดูดสูง ไม่ยุบตัวง่ายเมื่อใช้งานต่อเนื่อง เหมาะกับอุตสาหกรรมอาหาร ยา เคมีภัณฑ์ ไปจนถึงงานก่อสร้างที่ต้องการท่อดูดฝุ่นขนาดใหญ่
การบำรุงรักษา: เพื่อยืดอายุการใช้งาน ควรตรวจสอบท่อเป็นประจำว่ามีรอยแตก รอยรั่ว หรือการเสื่อมสภาพจากแรงเสียดสีหรือสารเคมีหรือไม่ ควรทำความสะอาดด้านในท่อเป็นระยะ โดยเฉพาะเมื่อใช้กับอุตสาหกรรมอาหารและยา เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นหรือสิ่งสกปรก นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการบิดงอเกินมุมโค้งที่ท่อรองรับ รวมถึงเก็บรักษาท่อในที่ร่ม ไม่ให้โดนแสงแดดและความร้อนสูงเป็นเวลานาน เพื่อลดการกรอบแตกของวัสดุ PU หากใช้งานกับฝุ่นที่ติดไฟง่าย การต่อสายกราวด์เข้ากับลวดทองแดงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันไฟฟ้าสถิตและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน