เคเบิ้ลแกลนพลาสติกคืออะไร
ทำหน้าที่อะไร?
เคเบิ้ลแกลนพลาสติก คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการยึดและป้องกันสายไฟในระบบไฟฟ้า ซึ่งทำจากวัสดุพลาสติกคุณภาพสูง เช่น PA66 (Nylon) หรือ Polypropylene มีคุณสมบัติทนต่อการกัดกร่อนและทนความชื้น เหมาะสำหรับการติดตั้งในสภาพแวดล้อมที่ไม่รุนแรงหรือในพื้นที่ภายในอาคาร ป้องกันการรั่วซึมของน้ำและฝุ่นจากการเข้าไปในกล่องไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า ช่วยให้สายไฟได้รับการยึดอย่างมั่นคง ป้องกันไม่ให้สายไฟเกิดการเสียดสีหรือการดึงที่อาจทำให้เสียหาย นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นตัวป้องกันการเคลื่อนที่ของสายเคเบิลในระหว่างการใช้งาน
"เคเบิ้ลแกลนพลาสติกคืออะไร ทำหน้าที่อะไร?"
Cable Gland PA66 (Nylon) หรือ Polypropylene
เคเบิ้ลแกลนพลาสติกคืออุปกรณ์ที่ใช้ในการยึดและป้องกันสายไฟในระบบไฟฟ้า โดยทำจากวัสดุพลาสติก เช่น PA66 (Nylon) หรือ Polypropylene ซึ่งมีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนและความชื้น เคเบิ้ลแกลนพลาสติกทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างสายไฟและกล่องไฟฟ้า ช่วยป้องกันการรั่วซึมของน้ำ ฝุ่น หรือสิ่งสกปรกจากการเข้าไปในอุปกรณ์ไฟฟ้า นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการเสียดสีและการดึงของสายไฟที่อาจทำให้สายไฟเสียหาย เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่ไม่สัมผัสกับสารเคมีหรือสภาพแวดล้อมที่มีความรุนแรง เช่น ภายในอาคารที่มีความเสี่ยงต่ำต่อการกัดกร่อน
หน้าที่หลักของเคเบิ้ลแกลนพลาสติก
มีหน้าที่หลักในการยึดและป้องกันสายไฟในระบบไฟฟ้า โดยทำจากวัสดุพลาสติกที่มีความทนทานและยืดหยุ่น ช่วยในการป้องกันน้ำ ฝุ่น หรือสารเคมีจากการรั่วไหลเข้าสู่กล่องไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ในการ:
- ป้องกันการเสียดสี – เคเบิ้ลแกลนช่วยลดการเสียดสีของสายไฟกับขอบหรือส่วนต่างๆ ของกล่องไฟฟ้า
- ยึดสายไฟอย่างมั่นคง – ช่วยให้การติดตั้งสายไฟมีความมั่นคง ลดความเสี่ยงจากการหลุดหรือการดึงสายไฟ
- ป้องกันการดึงและแรงกระแทก – ป้องกันไม่ให้สายไฟเกิดความเสียหายจากแรงดึงหรือการเคลื่อนไหว
- ป้องกันความชื้นและฝุ่น – ช่วยป้องกันความชื้นและฝุ่นไม่ให้เข้าสู่อุปกรณ์ไฟฟ้า ทำให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
ทั้งมีความยืดหยุ่นที่ช่วยให้สามารถรองรับแรงดึงและการเคลื่อนไหวของสายไฟได้ดีในบางกรณี เช่น ในงานที่สายไฟมีการเคลื่อนที่บ่อยหรือมีการยืดหดของสายไฟ สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเสียหายจากแรงดึงที่เกิดขึ้นได้ดี เนื่องจากวัสดุพลาสติกบางชนิดมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเคลื่อนไหวได้
Features Plastic Cable Gland PA66
คุณสมบัติที่ทำให้มันเหมาะสมกับการใช้งานในหลายสภาพแวดล้อม เช่น:
- น้ำหนักเบา – มีน้ำหนักเบากว่าวัสดุโลหะ ทำให้การติดตั้งสะดวกและง่ายดาย
- ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว – ด้วยการออกแบบที่มีความยืดหยุ่น การติดตั้งเคเบิ้ลแกลนพลาสติกทำได้ง่ายและรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ
- ทนทานต่อสารเคมีและความชื้นในระดับหนึ่ง – เสามารถทนต่อสารเคมีบางชนิดและความชื้น จึงสามารถใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง
- เหมาะสำหรับการใช้งานภายใน – เนื่องจากทนทานต่อความชื้นและการกัดกร่อนในระดับหนึ่ง จึงเหมาะกับการใช้งานภายในอาคารหรือสถานที่ที่ไม่สัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่มีความรุนแรง
- ราคาประหยัด – มีราคาที่ถูกกว่าหรือประหยัดกว่าวัสดุที่ทำจากโลหะ ทำให้เหมาะสำหรับโครงการที่มีงบประมาณจำกัด
ตู้ที่ทำจากสแตนเลส ใช้สำหรับบรรจุอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น เบรกเกอร์, สวิตช์, และระบบควบคุมต่างๆ เพื่อป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าจากฝุ่น, น้ำ, ความชื้น, และสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เหมาะสำหรับงานภายนอกอาคารหรือในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการกัดกร่อน เช่น โรงงานอุตสาหกรรมและบริเวณที่มีความชื้นสูง
เคเบิ้ลแกลนกันน้ำ (Waterproof Cable Gland) คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการยึดจับและป้องกันการรั่วซึมของสายไฟที่ผ่านเข้าสู่ภาชนะหรือพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยจากน้ำหรือสิ่งสกปรก โดยส่วนใหญ่จะใช้ในงานที่มีสภาพแวดล้อมที่มีน้ำหรือความชื้นสูง เช่น ระบบไฟฟ้าภายนอกอาคาร หรือในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการสัมผัสน้ำ เช่น เรือ อุตสาหกรรมเคมี หรือโรงงานที่มีการผลิตที่มีความชื้น
กระดูกงูร้อยสายไฟ ใช้ในการป้องกันและจัดระเบียบสายไฟ หรือสายเคเบิล ภายในอาคารหรือพื้นที่อุตสาหกรรม โดยมีโครงสร้างที่เป็นรางที่สามารถวางสายไฟได้อย่างปลอดภัยและสะดวก ช่วยให้การติดตั้งสายไฟเป็นระเบียบและง่ายต่อการบำรุงรักษา
ท่อร้อยสายไฟที่ออกแบบเป็นโครงสร้างคล้ายกระดูกงู มีความยืดหยุ่นสูง ใช้สำหรับปกป้องและจัดเก็บสายไฟหรือสายเคเบิลในระบบไฟฟ้าโดยช่วยป้องกันสายไฟจากการเสียดสี การกระแทก และความเสียหายอื่นๆ เหมาะสำหรับการใช้งานในเครื่องจักรหรือระบบที่มีการเคลื่อนไหว
จุดต่อสายไฟ (Cable Entry) คืออะไร
จุดต่อสายไฟ (Cable Entry) คือบริเวณหรือส่วนที่ใช้ในการนำสายไฟเข้าไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น กล่องไฟฟ้า, ตู้ควบคุม, หรือเครื่องจักรต่างๆ จุดนี้มักจะมีการใช้ เคเบิ้ลแกลน หรืออุปกรณ์อื่นๆ เพื่อช่วยในการยึดสายไฟและป้องกันไม่ให้เกิดการรั่วไหลของน้ำ ฝุ่น หรือสิ่งสกปรกเข้าสู่อุปกรณ์ไฟฟ้า เคเบิ้ลแกลนพลาสติกกแบบและติดตั้งจุดต่อสายไฟเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การเชื่อมต่อระหว่างสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้ามีความมั่นคง ปลอดภัย และป้องกันการเกิดอุบัติเหตุหรือความเสียหายจากไฟฟฟ้าลัดวงจร นอกจากนี้ยังช่วยรักษาความสมบูรณ์ของอุปกรณ์ไฟฟ้าและยืดอายุการใช้งานของระบบไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การวัดขนาดของเคเบิ้ลแกลน (Diameter)
โดยทั่วไปแล้ว ขนาดที่เราต้องพิจารณาในการเลือกเคเบิ้ลแกลน มี 2 ขนาดหลัก คือ
- ขนาดของรูสำหรับใส่สายไฟ (Cable Range or Entry hole): คือขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของรูที่เจาะไว้สำหรับสอดสายไฟเข้าไป ซึ่งขนาดนี้จะต้องใหญ่กว่าขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกของสายไฟเล็กน้อย เพื่อให้สามารถสอดสายไฟเข้าไปได้อย่างสะดวกและแน่นหนา
- ขนาดของเกลียว (Thread Size): คือขนาดของเกลียวที่ใช้ยึดเข้ากับตัวเครื่องหรือกล่องควบคุม ซึ่งขนาดนี้จะต้องตรงกับขนาดของเกลียวที่เจาะไว้บนตัวเครื่องหรือกล่องควบคุม
- GL (Thread Rang): ขนาดความยาวของเกลียว
- AG (Thread Size): ขนาดของเกลียวที่เข้ากับอุปกรณ์หรือรูเจาะ
ขั้นตอนการติดตั้ง (Cable Gland)
ขั้นตอนที่ 1: ตรวจสอบเกลียวของอุปกรณ์ เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบว่าอุปกรณ์ที่จะติดตั้งมีการ ต๊าปเกลียว หรือยัง หากมี ควรตรวจสอบประเภทและขนาดของเกลียว เช่น PG (PG7, PG9, PG21), M (M20, M25, M40) หรือ NPT (NPT1/2”, NPT3/4”) เพื่อให้แน่ใจว่าสอดคล้องกับที่จะใช้
ขั้นตอนที่ 2: วัดขนาดรูเส้นผ่านศูนย์กลาง ใช้เครื่องมือวัด เช่น เวอร์เนียร์หรือไม้บรรทัด วัดขนาดรูเส้นผ่านศูนย์กลางของอุปกรณ์ที่ต้องการติดตั้ง ตรวจสอบว่าขนาดของรูตรงกับที่กำหนดไว้ในเอกสารคู่มือ
ขั้นตอนที่ 3: ตรวจสอบขนาดสายไฟหรือสายเคเบิ้ล พิจารณาขนาดสายไฟหรือสายเคเบิ้ลที่ต้องการเข้าสาย โดยเปรียบเทียบกับช่วงขนาดที่รองรับ (Cable Range) หากสายเล็กหรือใหญ่เกินไป อาจทำให้ติดตั้งไม่แน่นหนา หรือมีโอกาสเกิดการรั่วซึม
ขั้นตอนที่ 4: ติดตั้งสายเคเบิ้ลและขันเกลียว ใส่สายอย่างระมัดระวัง ป้องกันการฉีกขาดหรือเสียหาย จากนั้นทำการ ขันเกลียวให้แน่น จนรู้สึกว่าสายเคเบิ้ลอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคง แต่ระวังอย่าขันแน่นจนเกินไป เพราะอาจทำให้สายเสียหาย
ความแตกต่างระหว่างเกลียว PG, NPT, และ M
เคเบิ้ลแกลนพลาสติก เกลียวมีความแตกต่างกันคือ มาตรฐานและลักษณะของเกลียวที่ใช้ในการติดตั้งเคเบิ้ลแกลนหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งแต่ละประเภทมีข้อดีและลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน การเลือกใช้ให้เหมาะสมขึ้นอยู่กับประเภทงานและสภาพแวดล้อมที่ติดตั้ง ลักษณะ: เป็นเกลียวมาตรฐานที่นิยมใช้ในยุโรป เกลียว PG จะมีขนาดที่ระบุเป็นมิลลิเมตร เช่น PG7, PG9, PG11, PG16 เป็นต้น การใช้งาน: เหมาะสำหรับการติดตั้งในงานไฟฟ้าทั่วไปภายในอาคารหรืออุปกรณ์ที่ไม่ต้องการการป้องกันการรั่วซึมที่รุนแรง เช่น ระบบไฟฟ้าภายในบ้าน อาคาร หรือโรงงาน ลักษณะ: เกลียว NPT เป็นมาตรฐานเกลียวที่นิยมใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีลักษณะเป็นเกลียวทรงกรวย (Tapered Thread) ช่วยให้การยึดเกลียวแน่นและป้องกันการรั่วซึมได้ดี ลักษณะ: เกลียว M เป็นเกลียวที่ใช้มาตรฐานเมตริก (Metric Thread) เช่น M12, M16, M20 เป็นต้น ซึ่งใช้ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางและความยาวเป็นมิลลิเมตร
ขนาดและประเภทของเกลียว Cable gland Plastic
ขนาดและประเภทของเกลียวเคเบิ้ลแกลนพลาสติก
การติดตั้งช่วยให้ระบบไฟฟ้ามีความมั่นคงและปลอดภัย
เคเบิ้ลแกลนมีกี่แบบ?
ประเภทที่เหมาะสมกับการใช้งานต่างๆ ขึ้นอยู่กับวัสดุและลักษณะการติดตั้ง สามารถแบ่งออกเป็นประเภทหลัก ๆ ดังนี้:
- พลาสติก (Plastic Cable Gland) ทำจากวัสดุพลาสติก เช่น PA66 หรือ Polypropylene เหมาะสำหรับการใช้งานภายในอาคารที่ไม่สัมผัสกับสารเคมีหรือสภาพแวดล้อมที่รุนแรง มักใช้สำหรับงานไฟฟ้าที่มีความเสี่ยงต่ำหรือความชื้นระดับปานกลาง
- โลหะ (Metal Cable Gland) ทำจากวัสดุโลหะ เช่น ทองเหลือง (Brass) หรือ สแตนเลส (Stainless Steel) เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการกัดกร่อนหรือทนต่อแรงกระแทก ใช้ในการติดตั้งที่ต้องการความทนทานสูงหรือในงานอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูง
- แบบกันน้ำ (Waterproof Cable Gland) ผลิตเพื่อให้สามารถป้องกันการรั่วซึมของน้ำหรือของเหลวที่อาจเข้าสู่อุปกรณ์ไฟฟ้า เหมาะสำหรับงานที่ต้องการการป้องกันในสภาพแวดล้อมที่มีน้ำหรือความชื้นสูง เช่น ระบบไฟฟ้าในพื้นที่กลางแจ้งหรือในสถานที่ที่มีฝนตกบ่อย
- แบบกันระเบิด (Ex Cable Gland) ใช้ในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงจากการระเบิดหรือไฟไหม้ เช่น ในอุตสาหกรรมเคมีหรือโรงงานที่มีสภาพแวดล้อมที่มีไอสารเคมีหรือก๊าซ
- แบบป้องกันการกัดกร่อน (Corrosion-Resistant Cable Gland) ทำจากวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อน เช่น สแตนเลส 304 หรือ 316 เพื่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความเค็มหรือสารเคมีที่ทำลายโลหะ
ระยะ Pitch ของเกลียว หมายถึง ระยะห่างระหว่างเกลียวสองตัว ที่ต่อเนื่องกันบนสกรูหรือเกลียว โดยทั่วไปจะวัดจากจุดเดียวกันบนเกลียวหนึ่งไปยังจุดเดียวกันบนเกลียวถัดไป ระยะ Pitch นี้จะบ่งบอกถึงความหนาแน่นของเกลียวและการยึดเกาะระหว่างเกลียวสองตัว ซึ่งมีผลต่อความทนทานและการใช้งานของเกลียวในวัสดุต่าง ๆ
- หากระยะ Pitch มีค่าน้อย (เกลียวแน่น) จะทำให้เกลียวยึดเกาะได้ดีและทนทาน แต่จะต้องใช้แรงหมุนมากขึ้นในการขัน
- หากระยะ Pitch มีค่ามาก (เกลียวห่าง) จะทำให้การขันสะดวกขึ้น แต่ความยึดเกาะจะลดลง
ขนาดและประเภทของเกลียว Cable gland Plastic
ประเภทเกลียว | ขนาดเกลียว | การใช้งานที่เหมาะสม |
---|---|---|
PG (Panzer-Gewinde) | PG7, PG9, PG11, PG13.5, PG16, PG21, PG29, PG36, PG42, PG48 | ใช้ในงานไฟฟ้าทั่วไปในสภาพแวดล้อมที่ไม่เสี่ยงสูง เช่น อาคารทั่วไป และระบบไฟฟ้าภายใน |
M (Metric) | M12, M16, M20, M25, M32 | ใช้ในอุปกรณ์ที่มีมาตรฐานเมตริก เช่น ระบบไฟฟ้าในอุตสาหกรรมที่ต้องการการติดตั้งที่แม่นยำ |
NPT (National Pipe Thread) | NPT ½”, NPT ¾”, NPT 1″ | ใช้ในระบบไฟฟ้าที่ต้องการป้องกันการรั่วซึมสูง เช่น งานไฟฟ้าในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรืออันตรายจากการระเบิด |
ขนาดและประเภทของเกลียวเคเบิ้ลแกลนพลาสติก
ปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การติดตั้งเคเบิ้ลแกลนทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยทั่วไปแล้วจะมีการใช้เกลียวหลากหลายประเภทตามมาตรฐานต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับการใช้งานและลักษณะของอุปกรณ์ไฟฟ้า การเลือกขนาดและประเภทของเกลียวเคเบิ้ลแกลนควรพิจารณาจากหลายปัจจัย ดังนี้:
ประเภทเกลียว
- เกลียว PG (Panzer-Gewinde): เป็นมาตรฐานเกลียวที่นิยมในยุโรป มีขนาดที่แตกต่างกันเช่น PG7, PG9, PG11, PG13.5, PG16, PG21, PG29, PG36, PG42, PG48 เป็นต้น ขนาดของเกลียว PG จะใช้มิลลิเมตรในการระบุขนาด
- เกลียว M (Metric): เป็นมาตรฐานเกลียวที่ใช้ในระบบเมตริก เช่น M12, M16, M20, M25, M32 เป็นต้น ขนาดเกลียวนี้ใช้หน่วยมิลลิเมตรในการวัดทั้งเส้นผ่านศูนย์กลางและความยาว
- NPT (National Pipe Thread): ใช้ในอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต้องการการเชื่อมต่อที่ป้องกันน้ำและการรั่วซึม เช่น NPT ½”, NPT ¾”, NPT 1″ เป็นต้น เกลียว NPT นิยมในสหรัฐอเมริกาและมีคุณสมบัติพิเศษในการป้องกันการรั่วซึม
การเลือกขนาดและประเภทเกลียวเคเบิ้ลแกลนพลาสติกที่เหมาะสม
ความสำคัญเพื่อให้การติดตั้งเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยต้องพิจารณาหลายปัจจัยดังนี้เลือกขนาดของเกลียวที่ตรงกับขนาดของสายไฟหรือสายเคเบิ้ลที่จะใช้งาน โดยขนาดเกลียวต้องมีพื้นที่ภายในพอเพียงเพื่อให้สามารถติดตั้งสายไฟได้พอดีและมั่นคงตัวอย่างเช่น หากสายไฟมีขนาดใหญ่ ควรเลือกเกลียวที่มีขนาดใหญ่ขึ้น (เช่น PG21 หรือ M32) เพื่อให้สามารถยึดสายไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากการติดตั้งต้องรองรับแรงดึงหรือการเคลื่อนไหวของสายไฟ ควรเลือกเกลียวที่มีการยึดเกาะที่ดีและสามารถรองรับแรงดึงได้ การเลือกขนาดและประเภทเกลียวที่เหมาะสมจะช่วยให้การติดตั้งมีความปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานในระยะยาว
การติดตั้งช่วยให้ระบบไฟฟ้ามีความมั่นคงและปลอดภัย
ช่วยให้ระบบไฟฟ้ามีความ มั่นคงและปลอดภัย ในการใช้งานระยะยาว โดยการป้องกันการเข้าของน้ำ ฝุ่น หรือสารเคมีภายนอกที่อาจทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของระบบไฟฟ้าได้ ซึ่งมีความสำคัญในงานที่ต้องการความเชื่อถือได้สูง เช่น ระบบโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งกลางแจ้ง, ระบบไฟฟ้าในสถานที่อุตสาหกรรมหนัก, และการติดตั้งอุปกรณ์ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงหรือมีสารเคมี การเลือกใช้งานไม่เพียงแต่ช่วยให้การติดตั้งมีความปลอดภัย แต่ยังลดการเสี่ยงจากปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมด
ยังช่วยลดการ บำรุงรักษาและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม เนื่องจากการออกแบบที่ป้องกันน้ำและฝุ่นละอองได้ดี ซึ่งช่วยป้องกันการเกิดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือสารเคมี โดยเฉพาะใน การใช้งานในภาคอุตสาหกรรมที่มีการใช้งานหนัก
การป้องกันเหล่านี้ช่วยให้ระบบไฟฟ้ายังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องหยุดการทำงานบ่อยครั้ง สำหรับการตรวจสอบหรือซ่อมแซม ทำให้ผู้ใช้งานสามารถมั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้าในระยะยาว
ยังสามารถ ปรับใช้ในโครงการต่างๆ ที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น การติดตั้งในแหล่งน้ำหรือพื้นที่ที่มีการสัมผัสกับน้ำเป็นประจำ เช่น ท่าเรือ, บริเวณใกล้เคียงกับน้ำ, หรือสถานที่ที่มีการระบายน้ำ การป้องกันที่มีประสิทธิภาพจากน้ำและฝุ่นช่วยให้ระบบไฟฟ้ายังคงปลอดภัยและทำงานได้โดยไม่เกิดปัญหาจากการกัดกร่อนหรือการสัมผัสกับสิ่งแปลกปลอม อีกทั้งยังช่วยให้การบำรุงรักษาในภายหลังมีความง่ายและไม่ต้องดำเนินการบ่อยครั้ง
Cable Gland ทั้ง 3 วัสดุ: สแตนเลส, ทองเหลืองชุบนิกเกิล, และพลาสติก โดยสแตนเลส (Stainless Steel) เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนและการเสื่อมสภาพ เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมอาหาร ขณะที่ทองเหลืองชุบนิกเกิล (Nickel Plated Brass) มีความแข็งแรงและทนทานต่อการกัดกร่อน ทำให้เหมาะสำหรับงานไฟฟ้าที่ต้องการความทนทานสูง เช่น ระบบไฟฟ้าทั่วไปและงานที่มีแรงดันไฟฟ้าสูง ส่วนพลาสติก (Plastic) เช่น PA66 หรือ Nylon 6/6 ทนต่อสารเคมีและการกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อมภายนอก ใช้งานได้ดีในอุตสาหกรรมทั่วไปที่ไม่สัมผัสกับสารเคมีที่รุนแรง ทั้งสามวัสดุนี้เหมาะกับการเลือกใช้ในงานที่มีความต้องการพิเศษตามสภาพแวดล้อมต่างๆ
อธิบายสรุป เคเบิ้ลแกลน (Cable Gland) คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการยึดสายไฟและเชื่อมต่อสายไฟเข้าสู่กล่องไฟฟ้า ตู้ไฟ หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ โดยมีหน้าที่สำคัญในการป้องกันการรั่วไหลของน้ำ ฝุ่น หรือสิ่งสกปรก รวมถึงป้องกันการเสียดสีหรือการดึงของสายไฟที่อาจทำให้สายไฟเกิดความเสียหาย เคเบิ้ลแกลนทำจากวัสดุหลากหลาย เช่น พลาสติก ทองเหลือง หรือสแตนเลส เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมการใช้งานต่าง ๆ วัสดุที่ทนทานกับสภาพแวดล้อม เช่น พลาสติกเหมาะสำหรับภายในอาคารหรือที่มีความเสี่ยงต่ำ, ทองเหลืองหรือสแตนเลสเหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือการกัดกร่อน