cable gland สแตนเลส
304/316 IP68
Cable gland สแตนเลส 304/316 IP68 เป็นอุปกรณ์สำคัญในการเชื่อมต่อสายเคเบิลเข้ากับแผงควบคุมหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า ด้วยโครงสร้างที่ทำจากสแตนเลสเกรด 304 หรือ 316 จึงมีความทนทานต่อการกัดกร่อนและการเกิดสนิมสูง เหมาะสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมที่มีความรุนแรง เช่น โรงงานเคมี โรงไฟฟ้า หรือพื้นที่ที่มีความชื้นและสารเคมี มาตรฐาน IP68 ช่วยป้องกันน้ำและฝุ่นละอองได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้มั่นใจในความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าทั้งในร่มและกลางแจ้ง นอกจากนี้ยังรองรับแรงดันและแรงกระแทกได้ดี ช่วยลดความเสี่ยงของสายเคเบิลที่อาจหลุดหรือเสียหาย
"cable gland สแตนเลส 304/316 IP68 "
จำหน่ายเคเบิ้ลแกลนสแตนเลสและทองเหลืองชุบนิกเกิ้ล IP68
เคเบิ้ลแกลนสแตนเลส
✅ ผลิตจากสแตนเลสเกรดคุณภาพ แข็งแรง ทนต่อการกัดกร่อน
✅ ทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น ความชื้นสูง หรือสารเคมี
✅ มาตรฐาน IP68 ป้องกันน้ำและฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
💡 เหมาะสำหรับ: ระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม และงานกลางแจ้ง
เคเบิ้ลแกลนทองเหลืองชุบนิกเกิ้ล
✅ โครงสร้างทำจากทองเหลืองชุบด้วยนิกเกิ้ล ทนต่อสนิมและการกัดกร่อน
✅ ใช้งานง่าย รองรับเกลียวหลายประเภท เช่น PG, NPT, และ M-Thread
✅ มาตรฐาน IP68 ให้การปกป้องสูงสุดในทุกสภาพแวดล้อม
💡 เหมาะสำหรับ: งานติดตั้งสายไฟในอาคาร โรงงาน และพื้นที่ที่ต้องการความทนทาน
สั่งซื้อวันนี้! พร้อมจัดส่งทั่วประเทศในราคาพิเศษ!
คุณสมบัติของ Cable Gland สแตนเลส IP68
Cable Gland สแตนเลส IP68 ผลิตจากวัสดุสแตนเลสเกรด 304 หรือ 316 ซึ่งมีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนและสนิมในทุกสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นความชื้น ฝุ่นละออง หรือแม้กระทั่งสภาพแวดล้อมที่มีสารเคมีเข้มข้น ทนทานต่อแรงดึงและแรงกระแทก โครงสร้างแข็งแรงช่วยลดความเสี่ยงของสายไฟหลุดหรือชำรุด เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน
- ผลิตจากสแตนเลสคุณภาพสูง (304/316): สแตนเลส 304: ทนต่อการกัดกร่อนในสภาพแวดล้อมทั่วไป เช่น ความชื้น ฝุ่นละออง และอุณหภูมิปกติสแตนเลส 316: ทนทานต่อสารเคมี น้ำทะเล และสภาพแวดล้อมที่มีกรด-ด่างรุนแรง เหมาะสำหรับงานอุตสาหกรรมหนัก
- มาตรฐาน IP68: สามารถป้องกันน้ำและฝุ่นได้อย่างสมบูรณ์รองรับการใช้งานในพื้นที่ที่ต้องการป้องกันสูง เช่น งานใต้น้ำหรือพื้นที่ที่มีความชื้นสูง
- ทนทานต่อแรงกระแทกและการใช้งานหนัก: โครงสร้างแข็งแรง รองรับแรงดึงและแรงกดได้ดี ลดความเสี่ยงของสายไฟชำรุดหรือหลุดออกจากจุดเชื่อมต่อ
- รองรับการใช้งานกับเกลียวหลายประเภท:มีให้เลือกในเกลียว PG, M-Thread, และ NPT รองรับการใช้งานที่หลากหลาย เพิ่มความสะดวกในการติดตั้งและการใช้งาน
ตู้ที่ทำจากสแตนเลส ใช้สำหรับบรรจุอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น เบรกเกอร์, สวิตช์, และระบบควบคุมต่างๆ เพื่อป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าจากฝุ่น, น้ำ, ความชื้น, และสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เหมาะสำหรับงานภายนอกอาคารหรือในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการกัดกร่อน เช่น โรงงานอุตสาหกรรมและบริเวณที่มีความชื้นสูง
Waterproof Cable Gland คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการยึดจับและป้องกันการรั่วซึมของสายไฟที่ผ่านเข้าสู่ภาชนะหรือพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยจากน้ำหรือสิ่งสกปรก โดยส่วนใหญ่จะใช้ในงานที่มีสภาพแวดล้อมที่มีน้ำหรือความชื้นสูง เช่น ระบบไฟฟ้าภายนอกอาคาร หรือในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการสัมผัสน้ำ เช่น เรือ อุตสาหกรรมเคมี หรือโรงงานที่มีการผลิตที่มีความชื้น
กระดูกงูร้อยสายไฟ ใช้ในการป้องกันและจัดระเบียบสายไฟ หรือสายเคเบิล ภายในอาคารหรือพื้นที่อุตสาหกรรม โดยมีโครงสร้างที่เป็นรางที่สามารถวางสายไฟได้อย่างปลอดภัยและสะดวก ช่วยให้การติดตั้งสายไฟเป็นระเบียบและง่ายต่อการบำรุงรักษา
ท่อร้อยสายไฟที่ออกแบบเป็นโครงสร้างคล้ายกระดูกงู มีความยืดหยุ่นสูง ใช้สำหรับปกป้องและจัดเก็บสายไฟหรือสายเคเบิลในระบบไฟฟ้าโดยช่วยป้องกันสายไฟจากการเสียดสี การกระแทก และความเสียหายอื่นๆ เหมาะสำหรับการใช้งานในเครื่องจักรหรือระบบที่มีการเคลื่อนไหว
เคเบิ้ลแกลนสแตนเลส คืออะไร
Stainless Steel Cable Gland เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับยึดสายเคเบิลเข้ากับอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือกล่องควบคุม โดยผลิตจากสแตนเลสเกรด 304 หรือ 316 ซึ่งมีความทนทานสูงต่อการกัดกร่อน สนิม และสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น ความชื้นและสารเคมี คุณสมบัติเด่นของคือความสามารถในการป้องกันน้ำและฝุ่นได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยมาตรฐาน IP68 ทำให้สามารถใช้งานได้ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสน้ำหรือฝุ่นละออง เช่น งานกลางแจ้งหรือใต้น้ำโครงสร้างถูกออกแบบให้ทนต่อแรงดึงและแรงกระแทกได้ดี ช่วยยืดอายุการใช้งานของสายเคเบิลและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดจากการสั่นสะเทือนหรือแรงดัน
การวัดขนาดของเคเบิ้ลแกลน (Diameter)
โดยทั่วไปแล้ว ขนาดที่เราต้องพิจารณาในการเลือกเคเบิ้ลแกลน มี 2 ขนาดหลัก คือ
- ขนาดของรูสำหรับใส่สายไฟ (Cable Range or Entry hole): คือขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของรูที่เจาะไว้สำหรับสอดสายไฟเข้าไป ซึ่งขนาดนี้จะต้องใหญ่กว่าขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกของสายไฟเล็กน้อย เพื่อให้สามารถสอดสายไฟเข้าไปได้อย่างสะดวกและแน่นหนา
- ขนาดของเกลียว (Thread Size): คือขนาดของเกลียวที่ใช้ยึดเข้ากับตัวเครื่องหรือกล่องควบคุม ซึ่งขนาดนี้จะต้องตรงกับขนาดของเกลียวที่เจาะไว้บนตัวเครื่องหรือกล่องควบคุม
- GL (Thread Rang): ขนาดความยาวของเกลียว
- AG (Thread Size): ขนาดของเกลียวที่เข้ากับอุปกรณ์หรือรูเจาะ
ขั้นตอนการติดตั้งเคเบิ้ลแกลน (Cable Gland)
ขั้นตอนที่ 1: ตรวจสอบเกลียวของอุปกรณ์ เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบว่าอุปกรณ์ที่จะติดตั้งมีการ ต๊าปเกลียว หรือยัง หากมี ควรตรวจสอบประเภทและขนาดของเกลียว เช่น PG (PG7, PG9, PG21), M (M20, M25, M40) หรือ NPT (NPT1/2”, NPT3/4”) เพื่อให้แน่ใจว่าสอดคล้องกับที่จะใช้
ขั้นตอนที่ 2: วัดขนาดรูเส้นผ่านศูนย์กลาง ใช้เครื่องมือวัด เช่น เวอร์เนียร์หรือไม้บรรทัด วัดขนาดรูเส้นผ่านศูนย์กลางของอุปกรณ์ที่ต้องการติดตั้ง ตรวจสอบว่าขนาดของรูตรงกับที่กำหนดไว้ในเอกสารคู่มือ
ขั้นตอนที่ 3: ตรวจสอบขนาดสายไฟหรือสายเคเบิ้ล พิจารณาขนาดสายไฟหรือสายเคเบิ้ลที่ต้องการเข้าสาย โดยเปรียบเทียบกับช่วงขนาดที่เคเบิ้ลแกลนรองรับ (Cable Range) หากสายเล็กหรือใหญ่เกินไป อาจทำให้ติดตั้งไม่แน่นหนา หรือมีโอกาสเกิดการรั่วซึม
ขั้นตอนที่ 4: ติดตั้งสายเคเบิ้ลและขันเกลียว ใส่สายเคเบิ้ลเข้าไปในเคเบิลแกลนอย่างระมัดระวัง ป้องกันการฉีกขาดหรือเสียหาย จากนั้นทำการ ขันเกลียวให้แน่น จนรู้สึกว่าสายเคเบิ้ลอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคง แต่ระวังอย่าขันแน่นจนเกินไป เพราะอาจทำให้สายเสียหาย
ประเภทเกลียว (PG, M-Thread, NPT) ของเคเบิ้ลแกลน
การใช้เกลียวที่แตกต่างกันช่วยให้สามารถติดตั้งได้กับอุปกรณ์และระบบไฟฟ้าหลายประเภท ช่วยให้การติดตั้งมีความยืดหยุ่นและเหมาะสมกับความต้องการในแต่ละงาน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเข้ากันได้ของเกลียวกับอุปกรณ์ ที่รองรับเกลียวหลายประเภทนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้ตามประเภทการเชื่อมต่อที่เหมาะสมได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องใช้การปรับเปลี่ยนหรือตัวช่วยเสริมการรองรับเกลียวหลายประเภทยังช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานในอุตสาหกรรมที่มีความหลากหลาย เช่น โรงงานอุตสาหกรรม, งานติดตั้งในอาคาร หรือในพื้นที่ที่มีความต้องการที่แตกต่างกันในการเดินสายไฟ ด้วยความสามารถในการเลือกใช้เกลียวหลายประเภท ทำให้การติดตั้งและเชื่อมต่อสายไฟมีความสะดวกและมีความปลอดภัยสูง สามารถใช้งานได้ในทุกสภาพแวดล้อมที่ต้องการความทนทานต่อการกัดกร่อนและการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยง
การใช้ Cable Gland สแตนเลสในการเข้าสายไฟ
การใช้เคเบิ้ลแกลนช่วยให้การเข้าสายไฟมีความปลอดภัยมากขึ้น
วัสดุที่มีขาย Cable Gland IP68
การใช้งานเคเบิ้ลแกลนเข้ากับกล่องไฟฟ้า
การเข้าสายไฟเป็นการเสริมความปลอดภัยให้กับระบบไฟฟ้า โดยทำหน้าที่ยึดสายไฟให้อยู่ในตำแหน่งที่มั่นคง ช่วยป้องกันการเคลื่อนที่หรือการดึงของสายไฟที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการใช้งานในสถานที่ที่มีการเคลื่อนไหวหรือการสั่นสะเทือนการเดินสายไฟที่มีการติดตั้ง ช่วยให้การจัดระเบียบสายไฟทำได้ง่ายขึ้น ทำให้สายไฟไม่พันกันหรือเกิดความยุ่งเหยิง ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้การติดตั้งสะดวกและรวดเร็ว แต่ยังช่วยให้งานบำรุงรักษาสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีข้อดีหลายประการ ดังนี้:
- ป้องกันการเข้าของน้ำและฝุ่น: การติดตั้งเข้ากับกล่องไฟฟ้าช่วยป้องกันน้ำและฝุ่นจากการรั่วเข้าสู่ภายในกล่องไฟฟ้า ซึ่งสำคัญในการรักษาความปลอดภัยและป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าจากการเสียหาย
- ยึดสายไฟให้อยู่ในตำแหน่งที่มั่นคง: ช่วยยึดสายไฟให้แน่นหนาและมั่นคงในกล่องไฟฟ้า ลดความเสี่ยงจากการดึงหรือแรงกระแทกที่อาจทำให้สายไฟหลุดหรือเสียหาย
- ป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร: การติดตั้งจะช่วยให้สายไฟถูกจัดระเบียบและป้องกันการสัมผัสกันระหว่างสายไฟที่อาจเกิดการลัดวงจร ส่งผลให้ระบบไฟฟ้ามีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
- สะดวกในการบำรุงรักษาและตรวจสอบ: การจัดระเบียบสายไฟในกล่องไฟฟ้าทำให้สามารถตรวจสอบและบำรุงรักษาได้ง่ายและรวดเร็ว ไม่ต้องคอยแกะสายไฟให้ยุ่งยาก
- ทนทานต่อสภาพแวดล้อม: ทำจากวัสดุที่ทนทาน เช่น สแตนเลส หรือทองเหลือง สามารถใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น ความชื้นสูงหรือสารเคมี จึงทำให้กล่องไฟฟ้ามีอายุการใช้งานยาวนาน
- รองรับการติดตั้งหลายประเภทของเกลียว: สามารถรองรับเกลียวหลากหลายประเภท เช่น PG, M, NPT ทำให้สะดวกในการติดตั้งกับกล่องไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าหลายประเภท
- เพิ่มความสะดวกในการติดตั้ง: การใช้งานช่วยให้การติดตั้งสายไฟในกล่องไฟฟ้าง่ายขึ้น เนื่องจากสามารถทำการล็อคสายไฟเข้ากับกล่องได้อย่างมั่นคงและรวดเร็ว ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากและช่วยประหยัดเวลาในการติดตั้ง
การใช้เคเบิ้ลแกลนสแตนเลสในการเข้าสายไฟ
ส่วนประกอบของ Cable gland stainless 316 เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการยึดและป้องกันสายไฟหรือสายเคเบิลให้แข็งแรง ไม่หลุดลุ่ย และยังช่วยป้องกันน้ำและฝุ่นละอองไม่ให้เข้าไปภายในอุปกรณ์ไฟฟ้าได้อีกด้วย
1. Sealing Nut (ตัวน็อตซีล) หน้าที่: ทำหน้าที่ในการบีบอัดส่วนของซีลและโอริงให้แน่นสนิท เพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำและฝุ่นละอองเข้าไปภายใน
2. Plastic Claw (กรงเล็บพลาสติก) หน้าที่: ทำหน้าที่ยึดจับสายไฟหรือสายเคเบิลให้แน่น ไม่ให้หลุดออกเมื่อถูกดึงหรือสั่นสะเทือน
3. NBR Seal (ซีลยาง NBR) หน้าที่: ทำหน้าที่เป็นตัวซีล ป้องกันไม่ให้น้ำและฝุ่นละอองซึมผ่านเข้าไปภายในได้
4. Body (ตัวบอดี้) หน้าที่: เป็นส่วนประกอบหลักที่ทำหน้าที่รองรับส่วนประกอบอื่น ๆ และยึดติดกับอุปกรณ์ไฟฟ้า
5. O-ring (โอริง) หน้าที่: ทำหน้าที่เป็นตัวซีลเพิ่มเติม ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการป้องกันน้ำและฝุ่นละออง
6. Lock Nut (น็อตล็อค) หน้าที่: ทำหน้าที่ยึดตัว Cable Gland ให้ติดแน่นกับอุปกรณ์ไฟฟ้า ไม่ให้หลุดออก
การใช้งานช่วยให้การเข้าสายไฟมีความปลอดภัยมากขึ้น
การใช้เคเบิ้ลแกลนช่วยให้การเข้าสายไฟมีความปลอดภัยมากขึ้น โดยสามารถยึดสายไฟให้อยู่ในตำแหน่งที่แน่นหนา ทำให้ไม่เกิดการเคลื่อนที่หรือการบิดเบี้ยวของสายไฟ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่อาจทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของฉนวนและเสี่ยงต่อการลัดวงจรยังช่วยป้องกันไม่ให้สายไฟสัมผัสกันหรือชนกันในขณะที่ทำงาน ทำให้สามารถลดความเสี่ยงจากการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรเนื่องจากการเชื่อมต่อที่ไม่เหมาะสมหรือการสัมผัสของสายไฟกับวัสดุอื่นๆ ที่อาจเกิดการชำรุดได้
การติดตั้งเคเบิ้ลแกลนทำให้สายไฟถูกล็อคในตำแหน่งที่ถูกต้องและปลอดภัย จึงช่วยลดความเสี่ยงจากการที่สายไฟอาจเคลื่อนตัวไปสัมผัสกับส่วนอื่นๆ ที่มีการนำไฟฟ้า อันเป็นสาเหตุของการลัดวงจร นอกจากนี้ยังช่วยลดการสัมผัสของสายไฟกับสิ่งแวดล้อมที่อาจทำให้ฉนวนหุ้มของสายไฟเสื่อมสภาพจากการกัดกร่อน หรืออาจถูกทำลายจากสารเคมีและความร้อนที่อาจเกิดขึ้นในระบบ
การใช้งานยังทำให้การติดตั้งสายไฟสะดวกขึ้น ไม่ต้องคอยปรับตำแหน่งของสายไฟหรือย้ายสายบ่อยๆ จึงช่วยลดความเสี่ยงจากการเคลื่อนย้ายของสายที่อาจทำให้เกิดความเสียหายได้
การใช้เคเบิ้ลแกลนช่วยให้การติดตั้งสายไฟมีความสะดวกและรวดเร็ว
การติดตั้งสายไฟมีความสะดวกและรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องปรับตำแหน่งของสายไฟบ่อยๆ ซึ่งทำให้การทำงานในพื้นที่แคบหรือพื้นที่ที่มีความยุ่งเหยิงสะดวกมากยิ่งขึ้นช่วยยึดสายไฟให้คงที่ ทำให้ไม่เกิดการเคลื่อนย้ายหรือการบิดเบี้ยวของสายไฟในระหว่างการใช้งาน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อสายไฟหรือระบบไฟฟ้าได้ ด้วยการยึดแน่นและการจัดระเบียบสายไฟที่ถูกต้อง ทำให้การบำรุงรักษาและตรวจสอบระบบไฟฟ้าเป็นไปได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพการใช้งานยังช่วยให้การเดินสายไฟมีความเรียบร้อย สามารถตรวจสอบหรือเปลี่ยนสายไฟได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเคลื่อนย้ายสายไฟที่อาจก่อให้เกิดอันตราย การติดตั้งอย่างถูกวิธีช่วยลดความเสี่ยงจากการบิดหรือดึงสายไฟในระหว่างการติดตั้งหรือใช้งาน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่อาจทำให้เกิดความเสียหายหรือไฟฟ้าลัดวงจร
วัสดุที่มีขาย Cable Gland IP68
1. สแตนเลส (Stainless Steel): สแตนเลสเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติเด่นในการทนทานต่อการกัดกร่อนและสนิม ทำให้เหมาะสมกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือสารเคมีรุนแรง วัสดุนี้สามารถทนทานต่อการสึกกร่อนจากการใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมอาหาร หรือการใช้งานในที่มีน้ำท่วมขังบ่อยๆ รวมถึงในสภาพแวดล้อมที่มีการทำงานที่รุนแรงหรือการสัมผัสกับสารเคมีต่างๆ สแตนเลสที่ใช้มักจะเป็นเกรด 304 หรือ 316 ซึ่งเป็นเกรดที่มีความทนทานสูงต่อการกัดกร่อนจากสารเคมีและน้ำทะเล นอกจากนี้ยังมีความแข็งแรงสูงและสามารถทนต่ออุณหภูมิสูงได้ดี
2. ทองเหลืองชุบนิกเกิล (Nickel Plated Brass): ทองเหลืองชุบนิกเกิลเป็นวัสดุที่ผสมผสานระหว่างทองเหลืองและนิกเกิล ซึ่งเพิ่มคุณสมบัติในการทนทานต่อการกัดกร่อนและการเสื่อมสภาพ ทำให้วัสดุนี้มีความแข็งแรงสูงและทนทานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงหรือการสัมผัสกับสารเคมีต่างๆ
นอกจากนี้ทองเหลืองชุบนิกเกิลยังมีความทนทานต่ออุณหภูมิสูง ซึ่งทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในงานไฟฟ้าที่มีการสัมผัสกับแรงดันไฟฟ้าหรืออุณหภูมิสูง การชุบนิกเกิลช่วยป้องกันการกัดกร่อนจากน้ำและอากาศได้ดี และทำให้วัสดุดูสวยงามและมีความทนทานในระยะยาว
3. พลาสติก (Plastic) เช่น PA66 หรือ Nylon 6/6: พลาสติกชนิดนี้มักถูกใช้ในเคเบิลแกลนด์เพื่อทดแทนวัสดุที่มีน้ำหนักมากหรือมีความเป็นโลหะ เนื่องจากมีคุณสมบัติในการทนต่อสารเคมีและการกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อมภายนอก เช่น สารเคมีในอุตสาหกรรมทั่วไป และน้ำมัน การใช้พลาสติก PA66 หรือ Nylon 6/6 จะช่วยให้มีน้ำหนักเบา สามารถทนต่อการเสียดสีและการสึกหรอได้ดี
Cable Gland ทั้ง 3 วัสดุ: สแตนเลส, ทองเหลืองชุบนิกเกิล, และพลาสติก โดยสแตนเลส (Stainless Steel) เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนและการเสื่อมสภาพ เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมอาหาร ขณะที่ทองเหลืองชุบนิกเกิล (Nickel Plated Brass) มีความแข็งแรงและทนทานต่อการกัดกร่อน ทำให้เหมาะสำหรับงานไฟฟ้าที่ต้องการความทนทานสูง เช่น ระบบไฟฟ้าทั่วไปและงานที่มีแรงดันไฟฟ้าสูง ส่วนพลาสติก (Plastic) เช่น PA66 หรือ Nylon 6/6 ทนต่อสารเคมีและการกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อมภายนอก ใช้งานได้ดีในอุตสาหกรรมทั่วไปที่ไม่สัมผัสกับสารเคมีที่รุนแรง ทั้งสามวัสดุนี้เหมาะกับการเลือกใช้ในงานที่มีความต้องการพิเศษตามสภาพแวดล้อมต่างๆ
อธิบายสรุป Cable Gland สแตนเลส 304/316 IP68 คืออุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อสายไฟกับอุปกรณ์ไฟฟ้าในลักษณะที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยผลิตจากสแตนเลสเกรด 304 หรือ 316 ซึ่งมีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนจากน้ำ, สารเคมี และสภาพแวดล้อมที่รุนแรง ตัวเคเบิ้ลแกลนนี้ได้รับมาตรฐาน IP68 ซึ่งทำให้สามารถป้องกันน้ำและฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกสภาพแวดล้อม ช่วยป้องกันการเกิดอันตรายจากไฟฟ้าลัดวงจร และเพิ่มความปลอดภัยในการเดินสายไฟภายในอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือเครื่องจักร