สยามร่วมค้า | ศูนย์รวมอุปกรณ์ป้องกันสายไฟและท่ออุตสาหกรรมมาตรฐานสากล

ท่อฟอยล์อลูมิเนียม
(ชนิดหนา 60 ไมคอรน)

ท่อฟอยล์อลูมิเนียม (ชนิดหนา 60 ไมครอน) มีคุณสมบัติพิเศษในการป้องกันการฉีกขาด เนื่องจากความหนาของวัสดุช่วยเพิ่มความทนทานต่อแรงดึงและการขีดข่วนในระหว่างการใช้งาน การเคลือบด้วยอลูมิเนียมช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรืออุณหภูมิสูง โดยไม่ทำให้ท่อเสียรูปหรือขาดง่าย นอกจากนี้ การออกแบบท่ออลูมิเนียมฟอยล์ยังช่วยป้องกันการเกิดรอยขีดข่วนที่อาจทำให้ท่อเกิดการรั่วซึมได้ ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานในงานระบายอากาศ, การดูดควัน, และในอุตสาหกรรมที่ต้องการการป้องกันการฉีกขาดหรือการเสียหายของท่อในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง

"ท่อฟอยล์อลูมิเนียม (ชนิดหนา 60 ไมคอรน) "

แคตตาล็อกสินค้า🖱️

จำหน่ายท่ออลูมิเนียมฟอยล์ ทั้งแบบเปลือยและแบบหุ้มฉนวน

ท่ออลูมิเนียมฟอยล์แบบเปลือย

✅ ผลิตจากอลูมิเนียมฟอยล์ 3 ชั้นโพลีเอสเตอร์ที่เคลือบท่อช่วยป้องกันการเสียดสี
✅ น้ำหนักเบา ดัดโค้งงอได้ง่าย ติดตั้งสะดวก บรรจุท่อในรูปแบบม้วนยาว 10 เมตรต่อม้วน
✅ ทนต่อความร้อนและการกัดกร่อน
💡 เหมาะสำหรับ: ระบบระบายอากาศทั่วไป เช่น ห้องครัว ห้องน้ำ และเครื่องดูดควันในโรงงาน

ท่ออลูมิเนียมฟอยล์แบบหุ้มฉนวน

✅ โครงสร้างแข็งแรง มีชั้นฉนวนใยแก้ว ช่วยป้องกันการสูญเสียพลังงาน
✅ ลดเสียงรบกวนจากการไหลเวียนของอากาศ
✅ ทนทานต่อการลามไฟ ปลอดภัยต่อการใช้งาน
💡 เหมาะสำหรับ: ระบบปรับอากาศ และงานที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ เช่น อาคารสำนักงาน โรงงาน หรือโรงพยาบาล

ทั้งนี้ เรามีท่ออลูมิเนียมฟอยล์ให้เลือกหลากหลายขนาดและความยาว พร้อมจัดส่งทันที สนใจติดต่อสั่งซื้อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับเราไ

รายละเอียดสินค้าท่อฟอยล์อลูมิเนียม (ชนิดหนา 60 ไมคอรน)ควัน

ท่อฟอยด์ชนิดนี้เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง เช่น ระบบระบายอากาศหรือการดูดควัน เนื่องจากการเคลือบฟอยล์อลูมิเนียมช่วยให้ท่อทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรืออุณหภูมิสูง โดยสามารถทนทานต่อการสึกหรอและแรงดึงได้ดี นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันการฉีกขาดจากการเคลื่อนที่หรือการติดตั้ง

  • วัสดุคุณภาพสูงประกอบด้วยชั้นอลูมิเนียมฟอยล์หนา 60 ไมครอน ซึ่งเคลือบด้วยโพลีเอสเตอร์ฟิล์ม ทำให้ท่อมีความแข็งแรง ทนทาน และไม่เปราะบางเมื่อเผชิญกับการใช้งานในสภาวะที่มีการเสียดสีหรือแรงดันสูง
  • ความยืดหยุ่นสูง:ด้วยการออกแบบที่ใช้ชั้นอลูมิเนียมฟอยล์และชั้นโพลีเอสเตอร์ที่มีความยืดหยุ่น ทำให้ท่อสามารถดัดโค้งและปรับทิศทางได้ง่าย จึงเหมาะสำหรับการติดตั้งในพื้นที่จำกัดหรือที่มีการเคลื่อนไหว
  • ทนต่ออุณหภูมิสูง:ท่อสามารถทนอุณหภูมิได้กว้างตั้งแต่ -30°C ถึง 150°C ทำให้ใช้งานได้ในหลากหลายสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงหรือต่ำ เช่น การดูดควันจากเตาหลอม หรือการระบายอากาศในห้องที่มีอุณหภูมิสูง
  • ทนทานต่อการฉีกขาดและการเสียดสีชั้นวัสดุที่มีความหนาและแข็งแรงช่วยป้องกันการฉีกขาดจากการเสียดสีหรือการกระแทกระหว่างการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย
  • ทนต่อแรงดันสูง: สามารถทนต่อแรงดันได้สูงสุดถึง 3,000 ปาสคาล เหมาะสำหรับการใช้งานที่มีการลำเลียงอากาศหรือการดูดควันในระบบที่ต้องการแรงดันสูง

หมวด สินค้าใกล้เคียง

ท่อทั้งสองประเภทมีความยืดหยุ่นและปรับรูปทรงได้ง่าย เหมาะสำหรับการติดตั้งในพื้นที่หลากหลายรูปแบบ แต่เน้นใช้งานในลักษณะเฉพาะตามวัตถุประสงค์ ท่อระบายอากาศ: ใช้สำหรับการส่งและรับอากาศในระบบระบายอากาศ เช่น การระบายอากาศในอาคารสำนักงานหรือโรงงาน เพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศภายใน ลดการสะสมของอากาศเสีย ควัน หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์

ท่อดูดฝุ่น ดูดควัน: ใช้ในการดูดและขนส่งฝุ่น ควัน หรือสารเคมีในโรงงานอุตสาหกรรมหรือกระบวนการผลิตที่มีมลพิษ เช่น ฝุ่นจากการเจียร ควันจากการเชื่อม หรือไอระเหย ท่อนี้มักทำจากวัสดุที่ทนทานต่อสารเคมีและอุณหภูมิสูง

หมวด สินค้าที่เกี่ยวข้อง

ตู้ที่ทำจากสแตนเลส ใช้สำหรับบรรจุอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น เบรกเกอร์, สวิตช์, และระบบควบคุมต่างๆ เพื่อป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าจากฝุ่น, น้ำ, ความชื้น, และสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เหมาะสำหรับงานภายนอกอาคารหรือในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการกัดกร่อน เช่น โรงงานอุตสาหกรรมและบริเวณที่มีความชื้นสูง

รางกระดูกงู ใช้ในการ ป้องกันและจัดระเบียบสายไฟ หรือสายเคเบิลต่างๆ ภายในอาคารหรือพื้นที่อุตสาหกรรม โดยมีโครงสร้างที่เป็นรางที่สามารถวางสายไฟได้อย่างปลอดภัยและสะดวก ช่วยให้การติดตั้งสายไฟเป็นระเบียบและง่ายต่อการบำรุงรักษา

การใช้งานท่อฟอยล์อลูมิเนียม (ชนิดหนา 60 ไมคอรน) ระบายอากาศหรือการดูดควัน

การใช้งานท่อเฟล็กซ์อลูมิเนียม (ชนิดหนา 60 ไมครอน) สำหรับการระบายอากาศหรือการดูดควันเหมาะสำหรับการติดตั้งในระบบระบายอากาศทั้งในอาคารพาณิชย์และโรงงาน เนื่องจากท่อฟอยล์อลูมิเนียมมีความยืดหยุ่นสูงและสามารถทนทานต่อการบิดงอได้ง่าย ช่วยให้การติดตั้งในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดหรือยากต่อการเข้าถึงสะดวกและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในระบบดูดควันที่ต้องการท่อที่มีความทนทานต่อความร้อนและสารเคมีที่อาจมีในควันหรือก๊าซเสียความหนา 60 ไมครอนจะช่วยป้องกันการฉีกขาดจากแรงดึงหรือการเคลื่อนที่ ทำให้ท่อมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและสามารถทนต่อการสัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรืออุณหภูมิสูง เช่น ในอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร, โรงงานเคมี, หรือการติดตั้งในห้องครัวเชิงพาณิชย์ที่ต้องการการระบายอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ท่ออลูมิเนียมฟอยล์ยังช่วยลดการสะสมของฝุ่นหรือสารเคมีที่อาจเกิดขึ้นในระบบการระบายอากาศ ทำให้สามารถรักษาคุณภาพอากาศได้ดี และยังช่วยป้องกันการรั่วซึมของควันหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์จากการทำงาน

การวัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อ (Diameter)

การวัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อ (Diameter)

  • การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางภายใน (Internal Diameter – ID):
    การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อ (ID) ทำได้โดยการใช้เครื่องมือวัดที่มีขนาดที่สามารถวัดได้ตรงกับขนาดภายในของท่อ เช่น เวอร์เนีย หรือเครื่องมือวัดขนาดท่อที่มีความแม่นยำสูง เมื่อวัดค่า ID อย่างถูกต้อง จะช่วยให้เลือกท่อที่มีขนาดเหมาะสมกับการใช้งาน เช่น ระบบระบายอากาศหรือระบบส่งของเหลวในท่อ.

  • การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอก (External Diameter – OD):
    การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกของท่อ (OD) ทำได้โดยการใช้เครื่องมือวัดที่เหมาะสม เช่น ไมโครมิเตอร์ หรือเครื่องมือวัดขนาดที่สามารถวัดได้ตรงกับเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกของท่อ หากต้องการคำนวณค่า OD จากเส้นรอบวง สามารถทำได้โดยการวัดเส้นรอบวงของท่อแล้วนำค่ามาหารด้วยค่าคงที่ (π หรือ 3.1416) เพื่อหาค่าเส้นผ่านศูนย์กลางที่ถูกต้อง.

  • การเลือกเครื่องมือวัดที่เหมาะสม:
    เพื่อให้การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางทั้งภายในและภายนอกเป็นไปได้อย่างแม่นยำ ควรเลือกเครื่องมือวัดที่มีความละเอียดสูงและเหมาะสมกับประเภทท่อที่ใช้งาน ตัวอย่างเช่น การใช้เวอร์เนียแบบดิจิตอลเพื่อความสะดวกและแม่นยำในการวัด หรือการใช้ไมโครมิเตอร์สำหรับท่อขนาดเล็กที่ต้องการความแม่นยำสูง.

  • การคำนวณเส้นผ่านศูนย์กลางจากเส้นรอบวง:
    หากการวัดเส้นผ่านศูนย์กลางเป็นเรื่องยากหรือไม่สะดวก สามารถใช้วิธีการคำนวณจากเส้นรอบวง (Circumference) ของท่อได้ โดยการวัดเส้นรอบวงแล้วนำค่ามาหารด้วยค่า π (3.1416) จะได้ค่าเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อ ซึ่งการคำนวณนี้เป็นวิธีที่ใช้กันบ่อยในกรณีที่ไม่สามารถวัดตรงกับเส้นผ่านศูนย์กลางได้

เครื่องมือวัดเส้นรอบวง (Circumference Tape or Measuring Tape):
ในกรณีที่การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางตรงๆ ไม่สามารถทำได้ หรือเป็นท่อขนาดใหญ่ การวัดเส้นรอบวง (Circumference) ของท่อแล้วคำนวณเส้นผ่านศูนย์กลางสามารถทำได้โดยใช้เครื่องมือวัดเช่น เทปวัดที่มีความยืดหยุ่นและสามารถพันรอบท่อได้ จากนั้นใช้สูตรคำนวณเส้นผ่านศูนย์กลางโดยการหารเส้นรอบวงด้วยค่า π (ประมาณ 3.1416).
เวอร์เนียคาลิปเปอร์ (Vernier Caliper):
เครื่องมือวัดที่นิยมใช้ในการวัดขนาดภายในและภายนอกของท่อได้อย่างแม่นยำ เวอร์เนียคาลิปเปอร์มีทั้งแบบดิจิตอลและแบบอนาล็อก ซึ่งสามารถวัดได้ทั้งเส้นผ่านศูนย์กลางภายใน (ID) และภายนอก (OD) โดยการใช้ปลายของเครื่องมือวัดสัมผัสกับขอบของท่อ เพื่อให้ได้ค่าที่ละเอียดและแม่นยำสูง.

การเลือกขนาดท่อฟอยด์ที่เหมาะสมกับการใช้งาน

การเลือกขนาดท่อฟอยด์ที่เหมาะสมควรพิจารณาจากปริมาณการระบายอากาศที่ต้องการและลักษณะการใช้งาน โดยท่อขนาดเล็ก (เช่น 2-6 นิ้ว) เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่จำกัดที่มีการระบายอากาศปริมาณน้อย เช่น ห้องครัวหรือห้องเล็กๆ ขนาดกลาง (8-12 นิ้ว) เหมาะสำหรับอาคารพาณิชย์หรือพื้นที่ที่ต้องการการระบายอากาศปริมาณปานกลาง ขนาดใหญ่ (14-20 นิ้ว) เหมาะกับโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการระบายอากาศหรือดูดควันในปริมาณสูง การเลือกขนาดยังต้องพิจารณาจากระยะทางที่อากาศต้องไหลผ่าน และจำนวนจุดเชื่อมต่อที่มีเพื่อหลีกเลี่ยงการอุดตัน ขนาดท่อที่เหมาะสมช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกท่อที่มีขนาดใหญ่เกินไปอาจทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน ในขณะที่ขนาดเล็กเกินไปอาจทำให้การระบายอากาศไม่เพียงพอ

โครงสร้างของท่อเฟล็กซ์อลูมิเนียม ฟอนด์ 60 ไมครอน

ความหนาของท่อฟอยล์อลูมิเนียม (60 ไมครอน)

ขั้นตอนการติดตั้งท่อระบายอากาศ

ท่อฟอยล์อลูมิเนียมชนิดหนา 60 ไมครอน สามารถใช้งานในหลากหลายเช่น

ท่อฟอยด์ (ชนิดหนา 60 ไมครอน) เป็นท่อที่ใช้ในการระบายอากาศและดูดควันในหลากหลายสภาพแวดล้อม เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ห้องครัว โรงพยาบาล หรือระบบ HVAC โดยท่อมีความทนทานต่อแรงดันและอุณหภูมิสูง ช่วยในการระบายความร้อนและควันจากเครื่องจักรหรือกระบวนการผลิตต่างๆ ท่อชนิดนี้สามารถใช้งานได้ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงและต้องการความยืดหยุ่นในการติดตั้ง ทั้งยังช่วยรักษาคุณภาพอากาศและเพิ่มความปลอดภัยในระบบลำเลียงอากาศหรือการดูดควัน

  • โรงงานอุตสาหกรรม: ใช้ในระบบระบายอากาศเพื่อควบคุมอุณหภูมิและความชื้นในพื้นที่ที่มีเครื่องจักรทำงานหนัก เช่น โรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หรือโรงงานเคมี
  • การดูดควันในกระบวนการผลิต: ใช้ในระบบดูดควันหรือการระบายอากาศที่มีการระบายความร้อนจากเครื่องจักร เช่น เครื่องทำความร้อนในอุตสาหกรรมอาหารหรือพลาสติก
  • ระบบระบายอากาศในห้องครัว: ใช้ในการระบายควันหรือความร้อนจากเตาและเครื่องใช้ในครัวโรงแรมหรือภัตตาคาร
  • โรงพยาบาล: ใช้ในระบบระบายอากาศเพื่อควบคุมอากาศที่ไหลผ่านห้องผ่าตัดหรือห้องปลอดเชื้อ
  • การติดตั้งในระบบ HVAC: ใช้ในระบบทำความเย็นและระบายอากาศของอาคารพาณิชย์เพื่อรักษาสภาพอากาศภายในให้เหมาะสม
  • งานก่อสร้าง: ใช้ในการระบายอากาศในสถานที่ก่อสร้างหรือพื้นที่ที่มีฝุ่นและมลพิษจากการทำงาน

การเลือกขนาดท่อฟอยล์อลูมิเนียมในช่วงขนาด 2 ถึง 20 นิ้ว

ขึ้นอยู่กับปริมาณการระบายอากาศและลักษณะการใช้งานของระบบระบายอากาศหรือการดูดควัน:

  1. ขนาด 2 ถึง 6 นิ้ว เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่เล็กหรือการระบายอากาศที่ไม่ต้องการปริมาณลมมาก เช่น ห้องครัว หรือห้องที่มีการระบายอากาศปริมาณต่ำ
  2. ขนาด 8 ถึง 12 นิ้ว เหมาะสำหรับการใช้งานในอาคารพาณิชย์หรือพื้นที่ที่มีความต้องการระบายอากาศในระดับกลาง เช่น โรงงานขนาดเล็กหรือพื้นที่สำนักงาน
  3. ขนาด 14 ถึง 20 นิ้ว เหมาะสำหรับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องการการระบายอากาศในปริมาณสูง เช่น โรงงานที่มีการระบายความร้อนจากเครื่องจักรหรือพื้นที่ที่มีการผลิตจำนวนมาก
  • ขนาดท่อควรพิจารณาจากระยะทางที่ต้องการให้ลมไหลผ่านและจำนวนจุดเชื่อมต่อที่มี
  • ควรเลือกขนาดท่อให้สามารถรองรับปริมาณอากาศที่ต้องการโดยไม่ทำให้เกิดการอุดตันหรือการไหลไม่เต็มที่
  • ขนาดท่อที่เหมาะสมจะช่วยให้ระบบระบายอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของท่อและอุปกรณ์ต่าง ๆ
  • ประเภทการติดตั้ง: หากท่อจะถูกติดตั้งในพื้นที่ที่จำกัดหรือคดเคี้ยว การเลือกท่อที่มีขนาดเล็กจะทำให้การติดตั้งง่ายขึ้นและสะดวกมากกว่า
  • แรงดันลมและอุณหภูมิ: ท่อขนาดใหญ่สามารถรองรับแรงดันและอุณหภูมิที่สูงได้ดีกว่า ท่อขนาดเล็ก เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการการระบายอากาศในปริมาณน้อย

ความหนาของท่อฟอยล์อลูมิเนียม (60 ไมครอน)

ท่ออลูมิเนียมฟอยล์ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้าง ทำให้สามารถรองรับแรงดันลมได้สูงสุดถึง 3,000 ปาสคาล โดยไม่เกิดการยุบตัวหรือรั่วไหล ความหนานี้ยังช่วยให้ท่อทนต่ออุณหภูมิสูงได้ดี ตั้งแต่ -30°C ถึง 150°C จึงเหมาะสำหรับการใช้งานในระบบดูดควัน ระบบระบายอากาศ และการลำเลียงอากาศร้อน นอกจากนี้ ชั้นฟอยล์ที่หนาขึ้นช่วยป้องกันการฉีกขาดจากแรงดันภายใน และเพิ่มอายุการใช้งานของท่อในสภาพแวดล้อมที่ต้องการความทนทานสูง

ช่วยลดการสูญเสียความร้อนภายในระบบลำเลียงอากาศ ทำให้สามารถรักษาอุณหภูมิของลมร้อนหรืออากาศเย็นได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ในงานที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิ เช่น ระบบทำความร้อนในอุตสาหกรรม หรือการระบายไอร้อนจากเครื่องจักร นอกจากนี้ ชั้นฟอยล์ที่หนาขึ้นยังช่วยเพิ่มความสามารถในการต้านทานแรงกดจากภายนอก ป้องกันการเสียรูปของท่อเมื่อติดตั้งในพื้นที่ที่มีแรงกดหรือแรงดึงสูง จึงมั่นใจได้ว่าท่อสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดอายุการใช้งาน

ช่วยลดการรั่วไหลของอากาศภายในระบบระบายอากาศและดูดควัน ทำให้การไหลเวียนของลมมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการสูญเสียพลังงาน และช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถป้องกันการกัดกร่อนจากความชื้นหรือสารเคมีบางชนิดที่อาจพบในโรงงานอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ด้วยความแข็งแรงของวัสดุ ทำให้ท่อสามารถใช้งานได้ทั้งในสภาวะที่มีแรงสั่นสะเทือนหรือแรงกระแทก โดยไม่เกิดความเสียหายง่าย ช่วยลดความจำเป็นในการบำรุงรักษาและเพิ่มอายุการใช้งานของระบบระบายอากาศโดยรวม

ท่อฟอยล์อลูมิเนียมชนิดหนาช่วยลดการรั่วไหลของอากาศ

วยลดการรั่วไหลของอากาศภายในระบบระบายอากาศและดูดควันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากโครงสร้างของฟอยล์อลูมิเนียมที่แน่นหนาและทนทานสามารถป้องกันการเกิดรูรั่วหรือการฉีกขาดระหว่างการใช้งาน นอกจากนี้ ชั้นฟอยล์ที่หนาขึ้นยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงของท่อ ทำให้สามารถรักษาแรงดันลมภายในระบบได้ดี ลดการสูญเสียพลังงาน และช่วยให้การไหลเวียนของอากาศเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ระบบระบายอากาศและดูดควันทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ลดภาระการทำงานของพัดลมหรือเครื่องดูดอากาศ อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานและการบำรุงรักษาอีกแย

ขั้นตอนการติดตั้งท่อระบายอากาศ

Fit (การปรับขนาดท่อ Flex): ขั้นตอนแรกคือการเลือกขนาดท่อที่เหมาะสมกับขนาดของช่องต่อหรือปากท่อของเครื่องดูดควันหรือพัดลมระบายอากาศ เพื่อให้ท่อสามารถเชื่อมต่อได้อย่างแน่นหนาและไม่มีช่องว่างที่จะทำให้อากาศรั่วออกมา การเลือกขนาดท่อที่เหมาะสมช่วยให้การไหลของอากาศหรือควันที่ถูกดูดออกจากพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย.

Extent (การยืดหรือขยายความยาวท่อ Flex): ขั้นตอนนี้หมายถึงการขยายหรือยืดความยาวของท่อให้พอดีกับระยะห่างระหว่างเครื่องดูดควันหรือพัดลมระบายอากาศกับจุดระบายอากาศภายนอกอาคาร ท่อที่ยืดหยุ่นจะช่วยให้สามารถปรับระยะทางได้ง่ายตามขนาดของพื้นที่ที่ต้องการให้ระบบระบายอากาศทำงานได้เต็มที่ โดยไม่ต้องมีการบีบหรือดัดท่อเกินไป ซึ่งอาจทำให้การไหลของอากาศหรือควันไม่ดีเท่าที่ควร.

Adjust (การปรับทิศทางท่อ): หลังจากการเลือกขนาดและยืดขยายท่อแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการปรับทิศทางของท่อให้โค้งหรือหมุนไปตามทิศทางที่ต้องการเพื่อให้เหมาะสมกับโครงสร้างของอาคารและตำแหน่งที่ต้องการติดตั้ง เช่น การหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางในพื้นที่ หรือการจัดเรียงท่อให้สะดวกต่อการติดตั้งและการบำรุงรักษา โดยการดัดท่อให้โค้งงอในทิศทางที่ต้องการสามารถช่วยให้ท่อทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ. 
Connect (การเชื่อมต่อท่อ): ขั้นตอนสุดท้ายคือการเชื่อมต่อท่อเข้ากับเครื่องดูดควันหรือพัดลมระบายอากาศ และจุดระบายอากาศภายนอกอาคารให้แน่นหนา โดยการใช้ข้อต่อหรืออุปกรณ์ช่วยในการยึดท่อให้ติดแน่น เพื่อป้องกันการรั่วซึมของอากาศหรือควันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการทำงานของระบบระบายอากาศ การเชื่อมต่อท่อให้แน่นหนาจะช่วยให้การไหลของอากาศหรือควันมีประสิทธิภาพสูงสุด และช่วยประหยัดพลังงานจากการสูญเสียอากาศที่รั่ว.

หมวด สินค้าประจำหมวด

ท่อเฟล็กซ์ หรือท่อดูดลมแบบยืดหยุ่น คืออุปกรณ์สำหรับการลำเลียงอากาศหรือวัสดุเบา ๆ ในระบบระบายอากาศและระบบอุตสาหกรรมต่าง ๆ ท่อชนิดนี้มีคุณสมบัติเด่นที่ความยืดหยุ่น น้ำหนักเบา และสามารถดัดโค้งได้ง่าย ทำให้เหมาะกับการติดตั้งในพื้นที่ที่เข้าถึงยากหรือมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ วัสดุที่ใช้มีหลากหลาย เช่น พลาสติก PVC, PU, หรืออลูมิเนียมฟอยล์,เหล็ก,สแตนเลส ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน โดยท่อบางรุ่นสามารถทนต่ออุณหภูมิสูง ทนสารเคมี หรือป้องกันไฟได้ จึงเหมาะสำหรับงานที่ต้องการความปลอดภัยและความทนทาน เช่น การระบายอากาศในโรงงาน การดูดควันในครัวอุตสาหกรรม หรือการส่งผ่านอากาศในระบบ HVAC (ระบบปรับอากาศและระบายอากาศ)

อธิบายสรุป ท่อฟอยล์อลูมิเนียมชนิดหนา 60 ไมครอนเป็นท่อที่ออกแบบมาสำหรับงานระบายอากาศและดูดควัน โครงสร้างฟอยล์ 3 ชั้นช่วยเพิ่มความแข็งแรง ป้องกันการฉีกขาด และลดการรั่วไหลของอากาศ รองรับแรงดันสูงสุด 3,000 Pa และทนต่ออุณหภูมิสูงได้ดี เหมาะสำหรับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรม อาคารพาณิชย์ และระบบ HVAC มีความยืดหยุ่นสูง สามารถโค้งงอหรือปรับความยาวได้ง่าย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบระบายอากาศ

Scroll to Top