ตู้กระจกสแตนเลส
และอะคริลิค IP55-IP66
ตู้กระจกสแตนเลสที่มีบานกระจกและอะคริลิค มาตรฐาน IP55-IP66 เป็นตู้ที่เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ต้องการป้องกันน้ำและฝุ่น เช่น งานไฟฟ้าในโรงงานหรือพื้นที่กลางแจ้ง โดยบานกระจกจะมีความแข็งแรงทนทานต่อการกระแทกและให้ความโปร่งใสสูง ในขณะที่บานอะคริลิคมีน้ำหนักเบาและทนต่อการขีดข่วนได้ดี แต่ไม่ทนแรงกระแทกเท่ากระจก ทั้งนี้ทั้งสองประเภทช่วยให้การป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในตู้จากสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้สำหรับเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้า ระบบควบคุมไฟฟ้า หรือสวิตช์ไฟในโรงงานอุตสาหกรรม
"ตู้กระจกสแตนเลส และอะคริลิค IP55-IP66"
จำหน่ายตู้กระจกสแตนเลสและอะคริลิค IP55-IP66
จำหน่ายตู้สแตนเลสคุณภาพสูงสำหรับงานไฟฟ้า ทั้งแบบบานประตูชั้นเดียวและบานประตู 2 ชั้น เลือกใช้วัสดุสแตนเลสเกรด 304 หรือ 316L ที่ทนทานต่อการกัดกร่อนและการสึกหรอ เหมาะสำหรับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรม สถานที่กลางแจ้ง หรือระบบควบคุมไฟฟ้าต่าง ๆ ทั้งนี้สามารถเลือกขนาดและฟังก์ชันการใช้งานได้ตามต้องการ เช่น ติดตั้งช่องระบายอากาศ, พัดลมระบายความร้อน หรือบานกระจกนิรภัย ทำให้ตู้สามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่ท้าทายได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐานกันน้ำ IP55-IP66 ป้องกันฝุ่นและน้ำได้ดี เพิ่มความปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้า สั่งผลิตได้ตามแบบที่ต้องการ สนใจติดต่อสอบถามหรือขอใบเสนอราคาได้เลยค่ะ!
คุณสมบัติตู้ไฟฟ้าสแตนเลส
ตู้กระจกสแตนเลสแบบบานประตูชั้นเดียวและบานประตู 2 ชั้นมีคุณสมบัติทนทานสูงจากวัสดุสแตนเลสเกรด 304 หรือ 316L ทนต่อการกัดกร่อนและเหมาะสำหรับใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เช่น งานไฟฟ้าในโรงงานหรือกลางแจ้ง มาตรฐานกันน้ำ IP55-IP66 ป้องกันน้ำและฝุ่นได้ดี พร้อมการออกแบบที่สามารถปรับขนาดและฟังก์ชันเสริมตามความต้องการ เช่น การติดตั้งช่องระบายอากาศหรือพัดลมระบายความร้อน เหมาะสำหรับการเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้าและการควบคุมไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ
บานกระจกและอะคริลิคช่วยให้การตรวจสอบภายในตู้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ต่างๆ ทำได้ง่ายและสะดวก โดยไม่ต้องเปิดฝาออก มักใช้ในงานที่ต้องการความโปร่งใสเพื่อสังเกตสถานะการทำงานของระบบต่างๆ บานกระจกและอะคริลิคมีความทนทานต่อการกระแทกและมีความสามารถในการกันน้ำ เหมาะสำหรับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมหรือสถานที่กลางแจ้งที่ต้องการการป้องกันที่แข็งแรง แต่ยังคงสามารถมองเห็นอุปกรณ์ที่เก็บไว้ภายในได้อย่างชัดเจน
รายละเอียดสินค้า
- วัสดุสแตนเลสเกรด 304 หรือ 316L: มีความทนทานสูงต่อการกัดกร่อนและสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือสารเคมี จึงเหมาะสำหรับงานไฟฟ้าที่ต้องการความปลอดภัยสูง
- มาตรฐานกันน้ำ IP55-IP66: ป้องกันน้ำและฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถใช้งานในที่กลางแจ้งหรือสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นละอองและน้ำ
- ออกแบบหลากหลาย: มีทั้งบานประตูชั้นเดียวและบานประตู 2 ชั้น พร้อมตัวเลือกในการติดตั้งฟังก์ชันเสริม เช่น ช่องระบายอากาศหรือพัดลมระบายความร้อน
- ใช้งานในงานไฟฟ้า: เหมาะสำหรับเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้า, ระบบควบคุมไฟฟ้า, สวิตช์ไฟ หรือวงจรไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรมและสถานที่กลางแจ้ง
- ออกแบบตามสั่ง: สามารถปรับขนาดและการออกแบบได้ตามความต้องการและข้อกำหนดเฉพาะของลูกค้า
- ความทนทาน: เหมาะสมกับการใช้งานที่ต้องการความแข็งแรง ทนทาน และอายุการใช้งานยาวนานในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย
ตู้ที่ทำจากสแตนเลส ใช้สำหรับบรรจุอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น เบรกเกอร์, สวิตช์, และระบบควบคุมต่างๆ เพื่อป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าจากฝุ่น, น้ำ, ความชื้น, และสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เหมาะสำหรับงานภายนอกอาคารหรือในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการกัดกร่อน เช่น โรงงานอุตสาหกรรมและบริเวณที่มีความชื้นสูง
เคเบิ้ลแกลนกันน้ำ (Waterproof Cable Gland) คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการยึดจับและป้องกันการรั่วซึมของสายไฟที่ผ่านเข้าสู่ภาชนะหรือพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยจากน้ำหรือสิ่งสกปรก โดยส่วนใหญ่จะใช้ในงานที่มีสภาพแวดล้อมที่มีน้ำหรือความชื้นสูง เช่น ระบบไฟฟ้าภายนอกอาคาร หรือในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการสัมผัสน้ำ เช่น เรือ อุตสาหกรรมเคมี หรือโรงงานที่มีการผลิตที่มีความชื้น
กระดูกงูร้อยสายไฟ ใช้ในการป้องกันและจัดระเบียบสายไฟ หรือสายเคเบิล ภายในอาคารหรือพื้นที่อุตสาหกรรม โดยมีโครงสร้างที่เป็นรางที่สามารถวางสายไฟได้อย่างปลอดภัยและสะดวก ช่วยให้การติดตั้งสายไฟเป็นระเบียบและง่ายต่อการบำรุงรักษา
ท่อร้อยสายไฟที่ออกแบบเป็นโครงสร้างคล้ายกระดูกงู มีความยืดหยุ่นสูง ใช้สำหรับปกป้องและจัดเก็บสายไฟหรือสายเคเบิลในระบบไฟฟ้าโดยช่วยป้องกันสายไฟจากการเสียดสี การกระแทก และความเสียหายอื่นๆ เหมาะสำหรับการใช้งานในเครื่องจักรหรือระบบที่มีการเคลื่อนไหว
การใช้งานตู้กระจกสแตนเลสหรืออะคริลิค มาตรฐาน IP55-IP66
เหมาะสำหรับการใช้งานในงานไฟฟ้าและอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยสามารถติดตั้งในพื้นที่กลางแจ้งหรือในโรงงานที่มีความเสี่ยงจากฝุ่น, น้ำ, หรือการกัดกร่อนจากสิ่งแวดล้อม ตู้เหล่านี้ช่วยปกป้องอุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบควบคุมจากสภาพอากาศรุนแรง รวมทั้งสามารถใช้ตรวจสอบสถานะการทำงานภายในได้ผ่านบานกระจกหรืออะคริลิค โดยมีความทนทานสูงและมั่นใจได้ในความปลอดภัยจากการใช้งาน สามารถปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะของผู้ใช้งานได้ เช่น การเลือกบานกระจกหรืออะคริลิคที่มีความทนทานและสามารถทนต่อแรงกระแทกได้ดี นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันเสริม เช่น การติดตั้งพัดลมระบายความร้อน หรือการเสริมช่องระบายอากาศเพื่อช่วยให้การทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตู้เหล่านี้ยังได้รับการออกแบบเพื่อทนต่อสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว และสามารถใช้งานได้ในระยะยาวโดยไม่เกิดความเสียหายจากสภาพแวดล้อมภายนอ
การวัดขนาดของตู้สแตนเลส (Diameter)
การวัดขนาดอย่างละเอียดจะช่วยให้การติดตั้งและการใช้งานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถรองรับอุปกรณ์หรือการใช้งานต่างๆ ได้อย่างพอดีและปลอดภัย.
- ความกว้าง (Width): วัดจากขอบด้านหน้าไปยังขอบด้านหลังของตู้ (จากด้านหน้าไปด้านหลัง)
- ความสูง (Height): วัดจากพื้นถึงยอดของตู้ (จากล่างสุดไปด้านบนสุด)
- ความลึก (Depth): วัดจากด้านหน้าของตู้ถึงด้านหลัง (มักจะใช้เมื่อต้องการตรวจสอบความลึกของช่องภายในตู้
- ขนาดของช่องเปิด (Door Opening Size): หากต้องการทราบขนาดของช่องที่เปิดปิดได้ ควรวัดจากขอบบานประตูด้านหนึ่งถึงขอบอีกด้าน
- ขนาดของแผงภายใน: หากต้องการติดตั้งอุปกรณ์ภายในตู้ ควรตรวจสอบพื้นที่การติดตั้งโดยการวัดช่องว่างระหว่างแผงหรือชั้นภายในตู้
- ปรับแต่งขนาดและรูปทรง: ภาพแสดงให้เห็นว่าตู้ไฟฟ้าสแตนเลสสามารถปรับเปลี่ยนขนาดและรูปทรงได้ตามต้องการ เพื่อให้เหมาะสมกับพื้นที่และการใช้งาน
- เลือกวัสดุ: สามารถเลือกวัสดุที่ใช้ผลิตตู้ไฟได้ เช่น สแตนเลสเกรดต่างๆ ซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในการใช้งาน
- เลือกประเภทของบานประตู: สามารถเลือกประเภทของบานประตูได้ เช่น บานประตูทึบ บานประตูที่มีช่องระบายอากาศ หรือบานประตูที่มีหน้าต่าง
- เลือกอุปกรณ์เสริม: สามารถเลือกอุปกรณ์เสริมต่างๆ ได้ เช่น กุญแจ มือจับ บานพับ หรือชั้นวางของ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน
- เลือกสี: สามารถเลือกสีได้ตามต้องการ เพื่อให้เข้ากับการตกแต่ง
- เลือกตำแหน่งและขนาดของรูเจาะ: สามารถกำหนดตำแหน่งและขนาดของรูเจาะสำหรับเดินสายไฟหรือติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ได้
การเลือกใช้บานอะคริลิคในตู้กระจกสแตนเลสที่มีระบบไฟฟ้า
การเลือกใช้บานอะคริลิคในตู้สแตนเลสที่มีระบบไฟฟ้าจะช่วยลดน้ำหนักและเพิ่มความยืดหยุ่นในการติดตั้ง แต่อาจไม่ทนต่อแรงกระแทกสูงเท่ากับกระจก จึงเหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่ไม่ต้องเผชิญกับแรงกระแทกหรือสภาพแวดล้อมที่รุนแรง โดยบานอะคริลิคยังสามารถป้องกันการกระจายความร้อนจากอุปกรณ์ไฟฟ้าได้ดี และสามารถเห็นสัญญาณไฟภายในได้ชัดเจน ทำให้การตรวจสอบการทำงานของระบบไฟฟ้าเป็นไปได้ง่ายขึ้น ข้อดีในเรื่องของความทนทานต่อการเกิดรอยขีดข่วน เมื่อเทียบกับบานกระจกที่สามารถเกิดรอยได้ง่ายในกรณีที่มีการสัมผัสหรือการใช้งานบ่อยครั้ง นอกจากนี้ บานอะคริลิคยังมีน้ำหนักเบากว่า ซึ่งช่วยในการติดตั้งและเคลื่อนย้ายได้สะดวกมากขึ้น เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่ต้องการการมองเห็นภายในตู้ แต่ไม่ต้องการความแข็งแรงสูงสุดในการป้องกันจากแรงกระแทก
การเลือกใช้บานประตูของตู้กระจกสแตนเลส
ตู้ไฟฟ้าบานอะคริลิค (Acrylic Door)
ตู้สแตนเลสมาตรฐาน IK10 ป้องกันจากแรงกระแทก
การเลือกใช้บานประตูของตู้สแตนเลส (ชั้นเดียวหรือ 2 ชั้น)
การเลือกใช้บานประตู (ชั้นเดียวหรือ 2 ชั้น) จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับลักษณะการใช้งานและความต้องการเฉพาะของผู้ใช้ โดยสามารถแบ่งได้เป็นหลายข้อสำคัญดังนี้:
ความทนทานและความแข็งแรง:
- บานประตูชั้นเดียว: มีความแข็งแรงและทนทาน เหมาะสำหรับงานที่ไม่ต้องการความซับซ้อนในการเปิดหรือปิด เนื่องจากไม่มีช่องว่างระหว่างชั้นของประตู ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้างและสามารถทนต่อแรงกระแทกได้ดี
- บานประตู 2 ชั้น: ช่วยเพิ่มการป้องกันที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในงานที่ต้องการป้องกันทั้งความชื้น ฝุ่น หรือการสัมผัสกับอุปกรณ์ภายใน ซึ่งการใช้บาน 2 ชั้นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันสิ่งสกปรกหรือการกระแทกจากภายนอก
ความสะดวกในการตรวจสอบ:
- บานประตูชั้นเดียว: ให้ความสะดวกในแง่ของการใช้งานและการปิดประตูโดยไม่ต้องมีขั้นตอนเพิ่มเติม เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ไม่จำเป็นต้องเข้าถึงภายในบ่อยครั้ง
- บานประตู 2 ชั้น: หากเลือกใช้วัสดุที่ใส เช่น บานกระจกหรืออะคริลิค จะช่วยให้สามารถตรวจสอบสภาพการทำงานของอุปกรณ์ภายในได้โดยไม่ต้องเปิดตู้ ซึ่งมีความสะดวกในการใช้งานและเพิ่มความปลอดภัย
3.การป้องกันจากสภาพแวดล้อม:
- บานประตูชั้นเดียว: ให้การป้องกันมาตรฐานสูงจากฝุ่นและน้ำ แต่มีความอ่อนแอต่อการกระแทกจากภายนอก
- บานประตู 2 ชั้น: มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันจากสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น การป้องกันความชื้นหรือฝุ่นได้ดีกว่า เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมที่ท้าทายมากขึ้น เช่น โรงงานที่มีการปล่อยฝุ่นละอองหรือสารเคมี
4.ความยืดหยุ่นในการใช้งาน:
- บานประตูชั้นเดียว: เหมาะสำหรับการใช้งานที่ไม่จำเป็นต้องเปิดหรือเข้าถึงอุปกรณ์ภายในบ่อยนัก เนื่องจากการเปิดประตูเพียงครั้งเดียวทำให้การเข้าถึงสะดวก แต่จะลดความยืดหยุ่นในการใช้งานที่ต้องการเปิดบ่อยๆ
- บานประตู 2 ชั้น: ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการเข้าถึงอุปกรณ์ภายในได้มากขึ้น โดยสามารถเปิดชั้นที่หนึ่งหรือสองได้ตามต้องการ ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานที่มีการเปิดบ่อยหรือที่ต้องการการจัดการอุปกรณ์ภายในที่สะดวก
การเลือกใช้บานประตูของตู้กระจกสแตนเลส
คุณสมบัติ | บานประตูชั้นเดียว | บานประตู 2 ชั้น |
---|---|---|
การเข้าถึงอุปกรณ์ | เหมาะสำหรับการเข้าถึงที่ไม่บ่อยนัก, การเปิดครั้งเดียว | เข้าถึงได้สะดวกยืดหยุ่น, เปิดได้ทั้งสองชั้น |
ความทนทานและป้องกัน | ป้องกันได้ดีในสภาพแวดล้อมที่ไม่เปลี่ยนแปลงมาก | ป้องกันได้ดีกว่าในสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลง |
การจัดการอุปกรณ์ภายใน | จำกัดการจัดการเมื่อเปิดเพียงครั้งเดียว | เพิ่มความสะดวกในการจัดการอุปกรณ์ภายในได้ดีขึ้น |
การใช้งานในสภาพแวดล้อมต่างๆ | เหมาะสำหรับสถานที่ที่ไม่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศรุนแรง | เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิหรือสภาพแวดล้อมแปรปรวน |
การบำรุงรักษาและการทำความสะอาด | บำรุงรักษาง่ายไม่ซับซ้อน | ต้องทำความสะอาดมากขึ้นเนื่องจากมีชั้นเพิ่ม |
ตู้ไฟฟ้าบานอะคริลิค (Acrylic Door)
บานอะคริลิค (Acrylic Door) เป็นบานที่ทำจากวัสดุอะคริลิคซึ่งมีคุณสมบัติเด่นหลายประการ เช่น ความใส ความทนทาน และน้ำหนักเบา นิยมใช้ในงานที่ต้องการการมองเห็นภายในตู้หรือกล่องต่างๆ โดยไม่ต้องเปิดประตู เช่น ในการใช้สำหรับที่ใช้เก็บอุปกรณ์ไฟฟ้าในที่มีความสำคัญในการตรวจสอบการทำงานหรือการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ
คุณสมบัติของบานอะคริลิค:
- โปร่งใส: ทำให้สามารถมองเห็นภายในได้ง่าย ไม่ต้องเปิดประตูทุกครั้ง
- ทนทาน: มีความทนทานต่อการแตกหักสูงกว่ากระจกทั่วไป
- น้ำหนักเบา: ทำให้สะดวกในการติดตั้งและเคลื่อนย้าย
- ทนต่อสภาพอากาศ: ทนทานต่อความชื้นและการกัดกร่อนได้ดี
- ทนต่อการขีดข่วน: มีคุณสมบัติทนต่อการขีดข่วนได้ดีกว่าแก้วในหลายกรณี
บานอะคริลิคจึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ต้องการความโปร่งใสและการป้องกันที่เหมาะสม โดยไม่สูญเสียคุณสมบัติด้านความแข็งแรงและความทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่างๆ
การเลือกใช้ตู้กระจกสแตนเลสหรือบานอะคริลิคขึ้นอยู่กับอะไร?
การเลือกใช้บานกระจกหรือบานอะคริลิคขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งานและสภาพแวดล้อม บานกระจกให้ความทนทานต่อการขีดข่วนและความใสที่คมชัดกว่า ขณะที่บานอะคริลิคมีน้ำหนักเบากว่าและทนต่อแรงกระแทกได้ดี ใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการสั่นสะเทือนหรือความเสี่ยงต่อการแตกหัก บานอะคริลิคยังมีคุณสมบัติในการทนต่อการกัดกร่อนและ UV ดี ทำให้เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้ง ส่วนบานกระจกจะเหมาะกับงานที่ต้องการความสวยงามและความทนทานสูงในพื้นที่ที่ไม่เสี่ยงต่อการกระแทก บานอะคริลิคมีข้อได้เปรียบในด้านความยืดหยุ่นและความเบาที่ทำให้สะดวกในการติดตั้งและขนย้าย ส่วนบานกระจกจะเหมาะสำหรับงานที่ต้องการความทนทานและการป้องกันอย่างสูงจากอิทธิพลภายนอก เช่น สภาพอากาศหรือการกัดกร่อนจากสารเคมี หากใช้งานในพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิหรือความชื้นสูง การเลือกบานอะคริลิคอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเนื่องจากไม่แตกหักง่ายเหมือนกระจก แต่หากเน้นที่ความแข็งแรงและความทนทาน
ตู้สแตนเลสมาตรฐาน IK10 ป้องกันจากแรงกระแทก
ตู้ที่มีการป้องกันจากแรงกระแทกตามมาตรฐาน IK rating ซึ่งใช้เพื่อบ่งชี้ถึงความทนทานของอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือเครื่องมือที่สามารถป้องกันแรงกระแทกได้ โดย IK10 เป็นระดับสูงสุดในมาตรฐานนี้ ซึ่งแสดงว่า สามารถทนแรงกระแทกที่มีความรุนแรงถึง 20 จูล (J) โดยแรงกระแทกนี้จะเปรียบเทียบได้กับการถูกกระแทกด้วยท่อนไม้หนักประมาณ 5 กิโลกรัมจากความสูง 40 เซนติเมตร
คุณสมบัติของตู้ไฟสแตนเลส IK10 ได้แก่:
- ทนทานต่อการกระแทก: สามารถป้องกันการกระแทกจากของหนักหรือวัตถุที่ตกหล่นได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงจากแรงกระแทกสูง เช่น พื้นที่อุตสาหกรรมหรือที่สาธารณะ
- วัสดุแข็งแรง:ที่มีการผลิตตามมาตรฐาน IK10 มักจะทำจากสแตนเลสที่มีความทนทานสูง ทนต่อการขีดข่วนและการกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อมที่สมบุกสมบัน
- เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความปลอดภัย: เนื่องจากสามารถป้องกันการบุกรุกจากการกระแทกและทำให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในจะปลอดภัยจากการเสียหาย
- ใช้งานในพื้นที่เสี่ยง: ตู้ประเภทนี้เหมาะสำหรับการติดตั้งในสถานที่ที่อาจมีการเสี่ยงจากการชนหรือกระแทก เช่น โรงงาน, พื้นที่กลางแจ้ง, หรือที่สาธารณะ
ตู้สแตนเลส 2 ชั้น ถูกเลือกใช้ในงานที่ต้องการความแข็งแรงทนทานในการป้องกันอุปกรณ์ภายในจากแรงกระแทกโดยตรง เช่น งานระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม หรือที่ตั้งในพื้นที่ที่มีการใช้งานที่รุนแรง
Cable Gland ทั้ง 3 วัสดุ: สแตนเลส, ทองเหลืองชุบนิกเกิล, และพลาสติก โดยสแตนเลส (Stainless Steel) เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนและการเสื่อมสภาพ เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมอาหาร ขณะที่ทองเหลืองชุบนิกเกิล (Nickel Plated Brass) มีความแข็งแรงและทนทานต่อการกัดกร่อน ทำให้เหมาะสำหรับงานไฟฟ้าที่ต้องการความทนทานสูง เช่น ระบบไฟฟ้าทั่วไปและงานที่มีแรงดันไฟฟ้าสูง ส่วนพลาสติก (Plastic) เช่น PA66 หรือ Nylon 6/6 ทนต่อสารเคมีและการกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อมภายนอก ใช้งานได้ดีในอุตสาหกรรมทั่วไปที่ไม่สัมผัสกับสารเคมีที่รุนแรง ทั้งสามวัสดุนี้เหมาะกับการเลือกใช้ในงานที่มีความต้องการพิเศษตามสภาพแวดล้อมต่างๆ
อธิบายสรุป ตู้กระจกสแตนเลสและอะคริลิค มาตรฐาน IP55-IP66 เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ต้องการการป้องกันจากน้ำและฝุ่น เช่น งานไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรมและกลางแจ้ง โดยทั้งสองประเภทของบานมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน บานกระจกให้ความทนทานสูงต่อแรงกระแทกและรอยขีดข่วน ส่วนบานอะคริลิคมีน้ำหนักเบาและความยืดหยุ่นสูง แต่ไม่ทนต่อแรงกระแทกเท่ากับกระจก ทั้งสองมีคุณสมบัติในการป้องกันการแทรกซึมของฝุ่นและน้ำ ซึ่งช่วยให้การใช้งานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมต่างๆ เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย