ตู้ไฟฟ้า | ตู้คอนโทรลไฟฟ้า
ตู้ไฟฟ้าหรือคอนโทรลไฟฟ้า คือ ตู้หรือกล่องที่ใช้สำหรับเก็บและปกป้องอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น สวิทช์, เบรกเกอร์, ระบบควบคุม และเครื่องมือไฟฟ้าต่างๆ จากสภาพแวดล้อมภายนอกที่อาจทำให้เกิดความเสียหายหรืออันตราย เช่น ฝุ่น, ความชื้น, หรือการกระแทก โดยมักจะมีระบบระบายความร้อนหรือการป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร อีกทั้งยังช่วยให้การจัดการสายไฟและอุปกรณ์ภายในเป็นระเบียบและปลอดภัย มีส่วนสำคัญในการปกป้องอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในจากปัจจัยภายนอก เช่น สภาพอากาศที่รุนแรง หรือการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร
"ตู้ไฟฟ้า | ตู้คอนโทรลไฟฟ้า "
หมวดหมู่สินค้า
จำหน่ายตู้ไฟฟ้า | ตู้คอนโทรลไฟฟ้าวัสดุหลากหลาย
จำหน่ายในวัสดุหลากหลาย ได้แก่ พลาสติก ABS (ทนทานต่อการกระแทกและความร้อน), ไฟเบอร์กลาส (ทนสารเคมีและความชื้นสูง), สแตนเลส (ทนการกัดกร่อนและความแข็งแรงสูง), และ อลูมิเนียม (น้ำหนักเบา แข็งแรง ทนทานต่อการกัดกร่อน) ซึ่งแต่ละวัสดุเหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมต่างๆ เช่น โรงงานหรือพื้นที่ที่มีความชื้นหรือสารเคมีสูง ช่วยให้การติดตั้งและการบำรุงรักษาทำได้สะดวกยิ่งขึ้น เช่น การออกแบบที่ให้สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ภายในได้ง่าย ระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันความร้อนสูงที่อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบไฟฟ้า รวมถึงการป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งสำคัญในการรักษาความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งานและอุปกรณ์ต่างๆ
จำหน่ายตู้ไฟสแตนเลส IP55-IP66 และตู้ไฟเบอร์กลาสกันน้ำ
✅ ตู้สแตนเลสกันน้ำ IP55-IP66
- ผลิตจากสแตนเลสคุณภาพสูง แข็งแรง ทนทาน
- ป้องกันฝุ่นและน้ำกระเซ็น เหมาะสำหรับใช้งานภายในอาคาร
- ทนต่อการกัดกร่อนและสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรม
- มาตรฐาน IP55: ป้องกันฝุ่นบางส่วนและน้ำกระเซ็นจากทุกทิศทาง
✅ ตู้ไฟเบอร์กลาสกันน้ำ IP65
- ทนทานต่อการกัดกร่อนและสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง
- มาตรฐาน IP65: ป้องกันฝุ่นได้ทั้งหมดและทนต่อน้ำจากการฉีดพ่นในทุกทิศทาง
💡 เลือกตู้ที่เหมาะกับงานของคุณ!
📦 พร้อมจัดส่งทั่วประเทศในราคาพิเศษ!
คุณสมบัติของตู้ไฟฟ้ากันน้ำ
ความสำคัญในการปกป้องอุปกรณ์ไฟฟ้าจากสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือมีโอกาสสัมผัสน้ำ โดยตู้ไฟกันน้ำมักมีคุณสมบัติดังนี้:
- ป้องกันน้ำ-ฝุ่น: มาตรฐานการป้องกันฝุ่น (IP) เช่น IP55, IP65, IP66 ระบุระดับการป้องกันฝุ่นที่เข้าไปภายในตู้ ซึ่งช่วยให้ไม่เสียหายจากฝุ่นหรือสิ่งสกปรกที่อาจทำให้ระบบไฟฟ้าขัดข้อง
- ทนทานต่อการกัดกร่อน: วัสดุที่ใช้ทำตู้กันน้ำ เช่น สแตนเลส, ไฟเบอร์กลาส หรืออลูมิเนียม มีความทนทานต่อการกัดกร่อนจากสารเคมีหรือสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง
- ความทนทานและความแข็งแรง: ถูกออกแบบให้มีความแข็งแรงและทนทานต่อการกระแทก ซึ่งช่วยป้องกันอุปกรณ์ภายในจากความเสียหาย
- ใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย: สามารถใช้งานได้ทั้งภายในอาคารและภายนอกอาคาร โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง หรือสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการสัมผัสน้ำ
- สะดวกในการติดตั้ง: การออกแบบคำนึงถึงความสะดวกในการติดตั้งและการบำรุงรักษา ทำให้การเข้าถึงอุปกรณ์ภายในง่ายและรวดเร็ว
ตู้ที่ทำจากสแตนเลส ใช้สำหรับบรรจุอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น เบรกเกอร์, สวิตช์, และระบบควบคุมต่างๆ เพื่อป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าจากฝุ่น, น้ำ, ความชื้น, และสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เหมาะสำหรับงานภายนอกอาคารหรือในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการกัดกร่อน เช่น โรงงานอุตสาหกรรมและบริเวณที่มีความชื้นสูง
เคเบิ้ลแกลนกันน้ำ (Waterproof Cable Gland) คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการยึดจับและป้องกันการรั่วซึมของสายไฟที่ผ่านเข้าสู่ภาชนะหรือพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยจากน้ำหรือสิ่งสกปรก โดยส่วนใหญ่จะใช้ในงานที่มีสภาพแวดล้อมที่มีน้ำหรือความชื้นสูง เช่น ระบบไฟฟ้าภายนอกอาคาร หรือในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการสัมผัสน้ำ เช่น เรือ อุตสาหกรรมเคมี หรือโรงงานที่มีการผลิตที่มีความชื้น
กระดูกงูร้อยสายไฟ ใช้ในการป้องกันและจัดระเบียบสายไฟ หรือสายเคเบิล ภายในอาคารหรือพื้นที่อุตสาหกรรม โดยมีโครงสร้างที่เป็นรางที่สามารถวางสายไฟได้อย่างปลอดภัยและสะดวก ช่วยให้การติดตั้งสายไฟเป็นระเบียบและง่ายต่อการบำรุงรักษา
ท่อร้อยสายไฟที่ออกแบบเป็นโครงสร้างคล้ายกระดูกงู มีความยืดหยุ่นสูง ใช้สำหรับปกป้องและจัดเก็บสายไฟหรือสายเคเบิลในระบบไฟฟ้าโดยช่วยป้องกันสายไฟจากการเสียดสี การกระแทก และความเสียหายอื่นๆ เหมาะสำหรับการใช้งานในเครื่องจักรหรือระบบที่มีการเคลื่อนไหว
การเลือกใช้งานตู้ไฟฟ้าควรพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น
การเลือกใช้งานตู้คอนโทรลไฟฟ้า ควรพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น สภาพแวดล้อมการใช้งาน (การป้องกันฝุ่น, น้ำ, หรือการกระตุ้นไฟฟ้า), ขนาดและพื้นที่ติดตั้ง เพื่อให้เหมาะสมกับพื้นที่, และ วัสดุของตู้ ที่เหมาะกับการใช้งาน เช่น พลาสติก ABS หรือ โพลีเอสเตอร์ผสมใยแก้ว สำหรับสภาพแวดล้อมทั่วไปหรือความชื้นสูง การคำนึงถึง ค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมถึงราคาและค่าบำรุงรักษาจะช่วยให้เลือกตู้ที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับงบประมาณ ยังควรพิจารณาคุณสมบัติอื่นๆ เช่น ความทนทาน ต่อการกระแทกหรือสารเคมีในบางอุตสาหกรรม และ ความสะดวกในการติดตั้ง ที่สามารถเข้าถึงและบำรุงรักษาได้ง่าย การเลือกตู้ที่มีมาตรฐานการป้องกันที่เหมาะสม เช่น IP55, IP65 หรือ IP66 ยังเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การใช้งานปลอดภัยในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง ทั้งนี้การคำนึงถึงการใช้งานในระยะยาวและการเลือกวัสดุที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะจะช่วยให้การเลือกตู้
การวัดขนาดของตู้สแตนเลส (Diameter)
การวัดขนาดอย่างละเอียดจะช่วยให้การติดตั้งและการใช้งานตู้ไฟสแตนเลสเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถรองรับอุปกรณ์หรือการใช้งานต่างๆ ได้อย่างพอดีและปลอดภัย.
- ความกว้าง (Width): วัดจากขอบด้านหน้าไปยังขอบด้านหลังของตู้ (จากด้านหน้าไปด้านหลัง)
- ความสูง (Height): วัดจากพื้นถึงยอดของตู้ (จากล่างสุดไปด้านบนสุด)
- ความลึก (Depth): วัดจากด้านหน้าของตู้ถึงด้านหลัง (มักจะใช้เมื่อต้องการตรวจสอบความลึกของช่องภายในตู้
- ขนาดของช่องเปิด (Door Opening Size): หากต้องการทราบขนาดของช่องที่เปิดปิดได้ ควรวัดจากขอบบานประตูด้านหนึ่งถึงขอบอีกด้าน
- ขนาดของแผงภายใน: หากต้องการติดตั้งอุปกรณ์ภายในตู้ ควรตรวจสอบพื้นที่การติดตั้งโดยการวัดช่องว่างระหว่างแผงหรือชั้นภายในตู้
- ปรับแต่งขนาดและรูปทรง: ภาพแสดงให้เห็นว่าตู้ไฟสแตนเลสสามารถปรับเปลี่ยนขนาดและรูปทรงได้ตามต้องการ เพื่อให้เหมาะสมกับพื้นที่และการใช้งาน
- เลือกวัสดุ: สามารถเลือกวัสดุที่ใช้ผลิตตู้ไฟได้ เช่น สแตนเลสเกรดต่างๆ ซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในการใช้งาน
- เลือกประเภทของบานประตู: สามารถเลือกประเภทของบานประตูได้ เช่น บานประตูทึบ บานประตูที่มีช่องระบายอากาศ หรือบานประตูที่มีหน้าต่าง
- เลือกอุปกรณ์เสริม: สามารถเลือกอุปกรณ์เสริมต่างๆ ได้ เช่น กุญแจ มือจับ บานพับ หรือชั้นวางของ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน
- เลือกสี: สามารถเลือกสีได้ตามต้องการ เพื่อให้เข้ากับการตกแต่ง
- เลือกตำแหน่งและขนาดของรูเจาะ: สามารถกำหนดตำแหน่งและขนาดของรูเจาะสำหรับเดินสายไฟหรือติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ได้
ตู้ไฟฟ้าการระบายความร้อนและความคงทนในการติดตั้ง
การระบายความร้อน หากการใช้งานมีอุปกรณ์ที่อาจทำให้เกิดความร้อนสูง เช่น เครื่องจักรในโรงงาน หรือในพื้นที่ที่มีการทำงานหนัก การเลือกตู้ที่มีระบบระบายความร้อนที่ดี เช่น ช่องระบายอากาศ หรือการใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติในการกระจายความร้อนจะช่วยป้องกันการเกิดความเสียหายจากอุณหภูมิสูงอีกหนึ่งปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามคือ การเข้าถึงและการจัดการภายในตู้ สำหรับการติดตั้งและบำรุงรักษา ควรเลือกตู้ที่มีการออกแบบภายในให้สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ได้สะดวก เช่น ช่องต่อสายไฟที่กว้างขวาง หรือการจัดระเบียบภายในที่เป็นระเบียบเพื่อความสะดวกในการทำงาน ความปลอดภัย ของผู้ใช้งานก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคำนึงถึง เช่น การเลือกตู้ที่มีการปิดผนึกที่ดีเพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าลัดวงจรหรือการสัมผัสกับส่วนที่เป็นไฟฟ้า การเลือกตู้ที่มีคุณสมบัติเหล่านี้จะช่วยให้ระบบไฟฟ้ามีความปลอดภัยและทนทานในระยะยาว.
การออกแบบตู้ไฟฟ้าสแตนเลสเพื่อปกป้องระบบไฟฟ้า
เปรียบเทียบตู้ไฟฟ้าสแตนเลสและตู้ไฟเบอร์กลาส
การเลือกวัสดุตู้คอนโทรลไฟฟ้าให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม
การใช้งานแต่ละวัสดุและการเลือกวัสดุที่ใช้ในการผลิตตู้ไฟฟ้า
การใช้ในงานแต่ละวัสดุ มีความสำคัญในการเลือกวัสดุที่ใช้ในการผลิต ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและประเภทของการใช้งาน เพื่อให้มีความทนทานและประสิทธิภาพในการใช้งานที่ยาวนาน:
ตู้พลาสติก ABS:
- การใช้งาน: เหมาะสำหรับการใช้งานในอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ต้องเผชิญกับความชื้นสูงหรือสารเคมีบ่อยๆ เช่น กล่องไฟฟ้าในบ้านหรือออฟฟิศที่มีสภาพแวดล้อมที่คงที่และไม่เปลี่ยนแปลงบ่อย
- ข้อดี: ทนทานต่อการกระแทก, ราคาประหยัด, น้ำหนักเบา
ตู้โพลีเอสเตอร์ผสมใยแก้ว (Fiberglass-reinforced Polyester):
- การใช้งาน: เหมาะสำหรับสถานที่ที่มีความชื้นสูงหรือมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว เช่น โรงงานอุตสาหกรรมที่มีการทำงานหนักและต้องการวัสดุที่ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม
- ข้อดี: ทนทานต่อความชื้นและสารเคมี, มีความแข็งแรงสูง
ตู้ไฟเบอร์กลาส (Fiberglass):
- การใช้งาน: เหมาะสำหรับสถานที่ที่ต้องการความแข็งแรงและทนทานต่อแรงกระแทก เช่น ในสถานที่ที่มีการใช้งานที่มีความเสี่ยงทางกายภาพสูงหรือการกระทำกระแทก เช่น โรงงานหรือคลังสินค้า
- ข้อดี: ทนทานต่อแรงกระแทกและความชื้น, แข็งแรงแต่เบา
ตู้โลหะ (เหล็กและสแตนเลส):
- การใช้งาน: เหมาะสำหรับสถานที่ที่มีการกระทำกระแทกหนักและต้องการความทนทานสูง เช่น สถานที่อุตสาหกรรมหนักที่มีการสัมผัสกับสารเคมีหรืออุณหภูมิสูง
- ข้อดี: แข็งแรง ทนทานต่อแรงกระแทกและการกัดกร่อน, ทนต่อสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงหรือการสัมผัสกับสารเคมี
การเลือกวัสดุที่เหมาะสมในการใช้งานจะช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน.
การออกแบบตู้ไฟฟ้าสแตนเลสเพื่อปกป้องระบบไฟฟ้า
การออกแบบควรคำนึงถึง การป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร โดยการเลือกตู้ที่มีระบบการปิดผนึกที่แน่นหนา และป้องกันฝุ่นหรือสิ่งแปลกปลอมจากภายนอก นอกจากนี้, การจัดการสายไฟและอุปกรณ์ภายในตู้ ยังมีผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า ควรเลือกตู้ที่มีการออกแบบให้สามารถจัดเก็บสายไฟและอุปกรณ์ได้อย่างเป็นระเบียบ เพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดการลัดวงจรหรือการสัมผัสกับชิ้นส่วนที่มีไฟฟ้า
ความสะดวกในการบำรุงรักษา เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ ควรเลือกตู้ที่สามารถเปิด-ปิดได้ง่าย และมีช่องระบายอากาศที่ช่วยในการลดความร้อนภายในตู้ นอกจากนี้, ควรเลือกตู้ที่สามารถรับน้ำหนักและการใช้งานในระยะยาวได้ โดยไม่เสื่อมสภาพเร็วจากการสัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่รุนแรงหรือการใช้งานหนัก
การเลือก วัสดุที่เหมาะสม ยังมีผลต่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน เช่น ตู้พลาสติก ABS จะเหมาะกับการใช้งานทั่วไปในสภาพแวดล้อมที่ไม่ค่อยมีความชื้นสูง, ส่วน ตู้ไฟเบอร์กลาส หรือ โพลีเอสเตอร์ผสมใยแก้ว จะเหมาะกับพื้นที่ที่มีความชื้นหรือสารเคมีในระดับสูง.
สุดท้าย, การเลือกผู้ผลิตที่มีคุณภาพ และ การรับประกันสินค้า ก็มีส่วนช่วยในการรับประกันคุณภาพและความมั่นใจในการใช้งาน
เปรียบเทียบตู้ไฟฟ้าสแตนเลสและตู้ไฟเบอร์กลาส
คุณสมบัติแตกต่างกันตามการใช้งาน:
- สแตนเลส ทนทานต่อการกัดกร่อน, ความร้อน, และการกระแทกได้ดี เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น โรงงานหนัก หรือพื้นที่ที่มีสารเคมีและน้ำมาก แต่ราคาค่อนข้างสูงและมีน้ำหนักมาก
- ไฟเบอร์กลาส เบากว่าและราคาถูกกว่า เหมาะสำหรับสถานที่ที่มีความชื้นสูงหรือสารเคมีบางชนิด แต่ไม่ทนทานเท่าสแตนเลสในบางกรณี
การบำรุงรักษา:
- ตู้สแตนเลส อาจต้องการการดูแลรักษามากขึ้น เช่น การขัดหรือเคลือบเพื่อป้องกันสนิม โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง
- ตู้ไฟเบอร์กลาส มีการบำรุงรักษาง่ายกว่า เนื่องจากไม่ต้องดูแลเรื่องสนิมและสามารถทนทานต่อการกัดกร่อนจากสารเคมีบางชนิดได้ดี
ความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม:
- สแตนเลส เหมาะสำหรับการใช้งานในสถานที่ที่มีการกระทบกระแทกหนัก หรือสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง เช่น โรงงานอุตสาหกรรมหนัก
- ไฟเบอร์กลาส เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการป้องกันความชื้นหรือสารเคมี เช่น โรงงานผลิตอาหาร หรืออุตสาหกรรมเคมี
ตู้คอนโทรลไฟฟ้า (Electrical Control Cabinet) คือ
อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับติดตั้งและควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบไฟฟ้าภายในอาคารหรือโรงงานอุตสาหกรรม โดยมีการจัดเรียงและเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เช่น สวิตช์, เบรกเกอร์, อุปกรณ์ควบคุมการทำงาน, และ เครื่องมือวัดไฟฟ้า เพื่อให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ตู้คอนโทรลไฟฟ้ามีบทบาทในการป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า เช่น การลัดวงจร และการป้องกันการสัมผัสกับไฟฟ้าโดยตรง รวมทั้งการจัดการกับระบบการจ่ายไฟฟ้าในอุตสาหกรรมหรือในสถานที่ต่างๆ เพื่อให้การทำงานมีความสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ลิตจากวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อน การกระแทก และสภาพแวดล้อมที่อาจมีสารเคมี ความชื้น หรืออุณหภูมิสูง เช่น ตู้ที่ผลิตจาก สแตนเลส หรือ ไฟเบอร์กลาส จะมีความทนทานสูงต่อการใช้งานในอุตสาหกรรมที่ต้องการความแข็งแรง
การเลือกวัสดุตู้คอนโทรลไฟฟ้าให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม
การเลือกวัสดุตู้ควรพิจารณาจากสภาพแวดล้อมที่ใช้งาน เช่น ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงหรือสารเคมี ควรเลือก ตู้ไฟเบอร์กลาส ที่ทนต่อสารเคมีและความชื้นได้ดี ส่วนในพื้นที่ที่มีการกระแทกหรือความร้อนสูง ควรเลือก ตู้สแตนเลส ที่ทนทานต่อการกัดกร่อนและความร้อนได้ดี การเลือกวัสดุที่ถูกต้องช่วยยืดอายุการใช้งานและป้องกันการเสียหายจากสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น โรงงานอุตสาหกรรมหนักหรือพื้นที่กลางแจ้ง ควรเลือกตู้ที่มีมาตรฐาน IP สูง เช่น IP65 หรือ IP66 เพื่อป้องกันฝุ่นและน้ำ
หากใช้งานในสถานที่ที่มีการสัมผัสกับสารเคมีหรือสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น โรงงานเคมี ควรเลือก ตู้ไฟเบอร์กลาส ที่มีความทนทานต่อสารเคมีและการกัดกร่อน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเป็นสนิม ในขณะที่หากใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ต้องการความแข็งแรงและทนทาน เช่น พื้นที่กลางแจ้งหรือโรงงานที่มีการกระแทก
ควรเลือกตู้ที่ทนทานต่อการกระแทกและสามารถป้องกันการเกิดสนิมได้ดี การเลือกวัสดุที่เหมาะสมยังช่วยลดต้นทุนการบำรุงรักษา
สำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิผันผวน เช่น โรงงานที่มีการใช้งานเครื่องจักรหนักหรือในสภาพอากาศร้อนจัด ควรเลือกสแตนเลส ที่สามารถทนทานต่ออุณหภูมิสูงและช่วยกระจายความร้อนได้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์ภายในตู้ ในทางกลับกัน, หากการใช้งานอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากการสัมผัสน้ำหรือความชื้น เช่น ใกล้แหล่งน้ำหรือในอุตสาหกรรมอาหาร ตู้ไฟเบอร์กลาส ที่มีคุณสมบัติทนทานต่อความชื้นและไม่เกิดการกัดกร่อนจึงเหมาะสมมากกว่า. การเลือกวัสดุที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้าในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน.
Cable Gland ทั้ง 3 วัสดุ: สแตนเลส, ทองเหลืองชุบนิกเกิล, และพลาสติก โดยสแตนเลส (Stainless Steel) เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนและการเสื่อมสภาพ เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมอาหาร ขณะที่ทองเหลืองชุบนิกเกิล (Nickel Plated Brass) มีความแข็งแรงและทนทานต่อการกัดกร่อน ทำให้เหมาะสำหรับงานไฟฟ้าที่ต้องการความทนทานสูง เช่น ระบบไฟฟ้าทั่วไปและงานที่มีแรงดันไฟฟ้าสูง ส่วนพลาสติก (Plastic) เช่น PA66 หรือ Nylon 6/6 ทนต่อสารเคมีและการกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อมภายนอก ใช้งานได้ดีในอุตสาหกรรมทั่วไปที่ไม่สัมผัสกับสารเคมีที่รุนแรง ทั้งสามวัสดุนี้เหมาะกับการเลือกใช้ในงานที่มีความต้องการพิเศษตามสภาพแวดล้อมต่างๆ
อธิบายสรุป ตู้ไฟฟ้า หรือ ตู้คอนโทรลไฟฟ้า คืออุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการป้องกันและควบคุมระบบไฟฟ้าภายในอาคารหรืออุตสาหกรรม โดยมีการป้องกันจากฝุ่น, น้ำ, และความชื้น รวมถึงการป้องกันอันตรายจากการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือการสัมผัสไฟฟ้า สามารถผลิตจากวัสดุต่าง ๆ เช่น พลาสติก ABS, ไฟเบอร์กลาส, สแตนเลส, หรือ อลูมิเนียม ขึ้นอยู่กับการใช้งานและสภาพแวดล้อมที่ต้องการใช้งาน เช่น สภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงหรือสัมผัสกับสารเคมี การเลือกวัสดุที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความทนทานและประสิทธิภาพในการปกป้องระบบไฟฟ้าให้มีอายุการใช้งาน