สยามร่วมค้า | ศูนย์รวมอุปกรณ์ป้องกันสายไฟและท่ออุตสาหกรรมมาตรฐานสากล

การเลือกขนาด cable gland
รุ่นสแตนเลส

การเลือกขนาด Cable Gland ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการติดตั้งระบบไฟฟ้า เพื่อให้สายไฟมีการยึดแน่นและปลอดภัย ควรเริ่มต้นด้วยการตรวจสอบ เส้นผ่านศูนย์กลาง ของสายไฟที่ใช้ เพื่อเลือกขนาดเคเบิ้ลแกลน ที่พอดีกับสายไฟนั้น ๆ นอกจากนี้ต้องพิจารณา ประเภทเกลียว เช่น เกลียว Metric (M) หรือ PG ซึ่งจะต้องเข้ากับอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือกล่องเชื่อมต่อที่ใช้งาน รวมถึงการเลือก วัสดุ ที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อม เช่น สแตนเลส หรือ ทองเหลืองชุบนิกเกิล

"การเลือกขนาด cable gland รุ่นสแตนเลส"

แคตตาล็อกสินค้า🖱️

จำหน่ายเคเบิ้ลแกลนสแตนเลสและทองเหลืองชุบนิกเกิ้ล IP68

เคเบิ้ลแกลนสแตนเลส
✅ ผลิตจากสแตนเลสเกรดคุณภาพ แข็งแรง ทนต่อการกัดกร่อน
✅ ทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น ความชื้นสูง หรือสารเคมี
✅ มาตรฐาน IP68 ป้องกันน้ำและฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
💡 เหมาะสำหรับ: ระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม และงานกลางแจ้ง

เคเบิ้ลแกลนทองเหลืองชุบนิกเกิ้ล
✅ โครงสร้างทำจากทองเหลืองชุบด้วยนิกเกิ้ล ทนต่อสนิมและการกัดกร่อน
✅ ใช้งานง่าย รองรับเกลียวหลายประเภท เช่น PG, NPT, และ M-Thread
✅ มาตรฐาน IP68 ให้การปกป้องสูงสุดในทุกสภาพแวดล้อม
💡 เหมาะสำหรับ: งานติดตั้งสายไฟในอาคาร โรงงาน และพื้นที่ที่ต้องการความทนทาน

สั่งซื้อวันนี้!  พร้อมจัดส่งทั่วประเทศในราคาพิเศษ!

การเลือกเคเบิ้ลแกลน IP68 ต้องพิจารณา

การเลือก เคเบิ้ลแกลน IP Rating 68 เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ต้องเผชิญกับน้ำและฝุ่นอย่างหนัก เช่น พื้นที่กลางแจ้ง, โรงงานที่มีความชื้นสูง, หรือท่าเรือ โดย IP68 หมายถึงมาตรฐานการป้องกันที่สามารถป้องกันฝุ่นละอองได้ทั้งหมดและสามารถทนทานต่อการจมอยู่ในน้ำที่ความลึกมากกว่า 1 เมตรเป็นเวลานานได้

  • ขนาดและประเภทของเกลียว เช่น M, PG, หรือ NPT ให้เข้ากับขนาดสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้า
  • วัสดุที่ใช้ ควรเลือกวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนจากน้ำเค็มหรือสารเคมี เช่น สแตนเลส หรือ ทองเหลืองชุบนิกเกิล
  • การติดตั้งที่ง่ายและปลอดภัย ให้แน่ใจว่าเคเบิ้ลแกลนสามารถติดตั้งได้อย่างสะดวกและมีกลไกการซีลที่ดีเพื่อป้องกันน้ำและฝุ่น
  • ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่มีการสั่นสะเทือน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ต้องเจอกับแรงกระแทกหรือการเคลื่อนที่ของสายไฟ
หมวด สินค้าใกล้เคียง

ตู้ที่ทำจากสแตนเลส ใช้สำหรับบรรจุอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น เบรกเกอร์, สวิตช์, และระบบควบคุมต่างๆ เพื่อป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าจากฝุ่น, น้ำ, ความชื้น, และสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เหมาะสำหรับงานภายนอกอาคารหรือในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการกัดกร่อน เช่น โรงงานอุตสาหกรรมและบริเวณที่มีความชื้นสูง

Waterproof Cable Gland คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการยึดจับและป้องกันการรั่วซึมของสายไฟที่ผ่านเข้าสู่ภาชนะหรือพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยจากน้ำหรือสิ่งสกปรก โดยส่วนใหญ่จะใช้ในงานที่มีสภาพแวดล้อมที่มีน้ำหรือความชื้นสูง เช่น ระบบไฟฟ้าภายนอกอาคาร หรือในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการสัมผัสน้ำ เช่น เรือ อุตสาหกรรมเคมี หรือโรงงานที่มีการผลิตที่มีความชื้น

หมวด สินค้าที่เกี่ยวข้อง

กระดูกงูร้อยสายไฟ ใช้ในการป้องกันและจัดระเบียบสายไฟ หรือสายเคเบิล ภายในอาคารหรือพื้นที่อุตสาหกรรม โดยมีโครงสร้างที่เป็นรางที่สามารถวางสายไฟได้อย่างปลอดภัยและสะดวก ช่วยให้การติดตั้งสายไฟเป็นระเบียบและง่ายต่อการบำรุงรักษา

ท่อร้อยสายไฟที่ออกแบบเป็นโครงสร้างคล้ายกระดูกงู มีความยืดหยุ่นสูง ใช้สำหรับปกป้องและจัดเก็บสายไฟหรือสายเคเบิลในระบบไฟฟ้าโดยช่วยป้องกันสายไฟจากการเสียดสี การกระแทก และความเสียหายอื่นๆ เหมาะสำหรับการใช้งานในเครื่องจักรหรือระบบที่มีการเคลื่อนไหว

การเลือกขนาด Cable Gland ประเภทเกลียวที่เหมาะสม

ประเภทเกลียวที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การติดตั้งสายไฟมีความมั่นคงและปลอดภัย โดยประเภทเกลียวหลัก ๆ ที่ใช้กัน ได้แก่ เกลียว Metric (M), PG (Panzer-Gewinde), และ NPT (National Pipe Thread) ซึ่งแต่ละประเภทมีความเหมาะสมกับการใช้งานในลักษณะต่าง ๆ เกลียว Metric (M) มักใช้ในงานทั่วไปและรองรับการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าในระบบที่มีมาตรฐานสากล ส่วน PG เหมาะกับงานที่ต้องการการป้องกันน้ำและฝุ่นอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ NPT นิยมในงานที่ต้องการการซีลที่แน่นหนาในสภาพแวดล้อมที่มีการสั่นสะเทือนหรือแรงดัน การเลือกขนาดเกลียวที่เหมาะสมกับการใช้งานจะช่วยให้เคเบิ้ลแกลนสามารถยึดติดได้อย่างมั่นคง ป้องกันการรั่วไหลของน้ำและฝุ่น รวมทั้งเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบไฟฟ้า

ขนาดของรูสำหรับใส่สายไฟ (Cable Range or Entry hole)

การวัดขนาดของเคเบิ้ลแกลน (Diameter)

โดยทั่วไปแล้ว ขนาดที่เราต้องพิจารณาในการเลือกเมี 2 ขนาดหลัก คือ

  1. ขนาดของรูสำหรับใส่สายไฟ (Cable Range or Entry hole): คือขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของรูที่เจาะไว้สำหรับสอดสายไฟเข้าไป ซึ่งขนาดนี้จะต้องใหญ่กว่าขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกของสายไฟเล็กน้อย เพื่อให้สามารถสอดสายไฟเข้าไปได้อย่างสะดวกและแน่นหนา
  2. ขนาดของเกลียว (Thread Size): คือขนาดของเกลียวที่ใช้ยึดเข้ากับตัวเครื่องหรือกล่องควบคุม ซึ่งขนาดนี้จะต้องตรงกับขนาดของเกลียวที่เจาะไว้บนตัวเครื่องหรือกล่องควบคุม
  • GL (Thread Rang): ขนาดความยาวของเกลียว
  • AG (Thread Size): ขนาดของเกลียวที่เข้ากับอุปกรณ์หรือรูเจาะ
 

ขั้นตอนการติดตั้งเคเบิ้ลแกลน (Cable Gland)

ขั้นตอนที่ 1: ตรวจสอบเกลียวของอุปกรณ์ เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบว่าอุปกรณ์ที่จะติดตั้งมีการ ต๊าปเกลียว หรือยัง หากมี ควรตรวจสอบประเภทและขนาดของเกลียว เช่น PG (PG7, PG9, PG21), M (M20, M25, M40) หรือ NPT (NPT1/2”, NPT3/4”) เพื่อให้แน่ใจว่าสอดคล้องกับที่จะใช้

ขั้นตอนที่ 2: วัดขนาดรูเส้นผ่านศูนย์กลาง ใช้เครื่องมือวัด เช่น เวอร์เนียร์หรือไม้บรรทัด วัดขนาดรูเส้นผ่านศูนย์กลางของอุปกรณ์ที่ต้องการติดตั้ง ตรวจสอบว่าขนาดของรูตรงกับที่กำหนดไว้ในเอกสารคู่มือ

ขั้นตอนที่ 3: ตรวจสอบขนาดสายไฟหรือสายเคเบิ้ล พิจารณาขนาดสายไฟหรือสายเคเบิ้ลที่ต้องการเข้าสาย โดยเปรียบเทียบกับช่วงขนาดที่รองรับ (Cable Range) หากสายเล็กหรือใหญ่เกินไป อาจทำให้ติดตั้งไม่แน่นหนา หรือมีโอกาสเกิดการรั่วซึม

ขั้นตอนที่ 4: ติดตั้งสายเคเบิ้ลและขันเกลียว ใส่สายเคเบิ้ลเข้าไปในเคเบิลแกลนอย่างระมัดระวัง ป้องกันการฉีกขาดหรือเสียหาย จากนั้นทำการ ขันเกลียวให้แน่น จนรู้สึกว่าสายเคเบิ้ลอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคง แต่ระวังอย่าขันแน่นจนเกินไป เพราะอาจทำให้สายเสียหาย

การเลือกขนาดและวัสดุของ Cable Gland สแตนเลส

สำหรับการติดตั้งในโรงงานหรือพื้นที่กลางแจ้ง ควรพิจารณาจากขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของสายไฟ เพื่อให้การติดตั้งแน่นหนาและปลอดภัย เลือกที่มีขนาดเกลียวพอดี เช่น M20, M25 หรือ PG7 ซึ่งรองรับสายไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพวัสดุ สแตนเลส (SUS304 หรือ SUS316) เป็นตัวเลือกที่ดีในการใช้งานในพื้นที่ที่มีการกัดกร่อนสูง เช่น ในสภาพแวดล้อมที่มีน้ำเค็มหรือสารเคมี เนื่องจากวัสดุนี้ทนทานต่อการกัดกร่อน ควรเลือกที่มี IP Rating เช่น IP68 เพื่อป้องกันน้ำและฝุ่น ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในพื้นที่กลางแจ้งหรือในโรงงานที่มีความชื้นสูง

การใช้งาน Cable Gland สร่วมกับอุปกรณ์ไฟฟ้ากันน้ำ

การใช้เคเบิ้ลแกลนช่วยให้การเข้าสายไฟมีความปลอดภัยมากขึ้น

วัสดุที่มีขาย Cable Gland IP68

การเลือกขนาด Cable Gland รุ่นสแตนเลส

การเลือกขนาด Cable Gland รุ่นสแตนเลส ควรเริ่มต้นจากการวัด เส้นผ่านศูนย์กลาง ของสายไฟที่ใช้ เพื่อเลือกขนาดที่เหมาะสมกับสายไฟนั้น ๆ เช่น M20, M25 หรือ PG7 เพื่อให้สามารถยึดติดสายไฟได้อย่างแน่นหนาและปลอดภัยนอกจากนี้ต้องพิจารณาประเภทของเกลียว เช่น เกลียว Metric (M), PG หรือ NPT ซึ่งแต่ละประเภทมีลักษณะการติดตั้งที่แตกต่างกัน การเลือกเกลียวที่เหมาะสมจะช่วยให้การติดตั้งมีความปลอดภัยและไม่เกิดการรั่วไหล

การเลือก วัสดุสแตนเลส (SUS304 หรือ SUS316) จะช่วยเพิ่มความทนทานในสภาพแวดล้อมที่มีการกัดกร่อนสูง เช่น ในพื้นที่ที่มีน้ำเค็มหรือสารเคมี

-

การเลือกขนาด Cable Gland รุ่นสแตนเลส ยังต้องพิจารณา ประเภทของสายไฟ ที่ใช้งาน เช่น สายไฟที่มีฉนวนหุ้มยางหรือโลหะ เพื่อเลือกขนาดเกลียวที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้การยึดสายไฟใน เคเบิ้ลแกลนมีความมั่นคงและไม่มีการเคลื่อนที่ควรคำนึงถึง สภาพแวดล้อมการใช้งาน เช่น โรงงานที่มีสารเคมีหรือพื้นที่กลางแจ้งที่มีความชื้นสูง หากต้องการเพิ่มการป้องกันพิเศษ ควรเลือก ที่มี คุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อน และสามารถทนต่ออุณหภูมิที่สูงหรือการสัมผัสกับสารเคมีที่รุนแรง การเลือกขนาดและวัสดุที่เหมาะสมจะช่วยให้การติดตั้ง ปลอดภัยและมีอายุการใช้งานยาวนาน

การใช้งานเคเบิ้ลแกลนสร่วมกับอุปกรณ์ไฟฟ้ากันน้ำ

การใช้งาน Cable Gland สแตนเลส ร่วมกับ อุปกรณ์ไฟฟ้ากันน้ำ เช่น กล่องกันน้ำ หรือ กล่องเชื่อมต่อกันน้ำ เป็นสิ่งสำคัญในการติดตั้งระบบไฟฟ้าในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงหรือที่ต้องการการป้องกันน้ำและฝุ่น ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้ากันน้ำ โดยมีคุณสมบัติในการป้องกันการรั่วไหลของน้ำและฝุ่น ซึ่งทำให้การติดตั้งระบบไฟฟ้ามีความปลอดภัยมากขึ้น

  • การซีลที่แน่นหนา: ช่วยให้การติดตั้งใน กล่องกันน้ำ มีการซีลที่แน่นหนา ป้องกันน้ำและฝุ่นจากภายนอกไม่ให้เข้ามาในกล่องไฟฟ้า ทำให้การทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้ามีความปลอดภัย
  • วัสดุทนทาน: การเลือกใช้ Cable Gland สแตนเลส ที่ทนทานต่อการกัดกร่อนจากน้ำเค็ม, สารเคมี หรือการสัมผัสกับความชื้นในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย
  • การติดตั้งง่าย: การติดตั้งใน กล่องกันน้ำ จะต้องเหมาะสมกับขนาดของเกลียวและเส้นผ่านศูนย์กลางของสายไฟ เพื่อการติดตั้งที่ง่ายและไม่เกิดการรั่วไหล

การใช้งานร่วมกับ กล่องกันน้ำ ช่วยให้การติดตั้งระบบไฟฟ้ามีความปลอดภัย ป้องกันน้ำและฝุ่นได้ดีในสภาพแวดล้อมที่ต้องเผชิญกับความชื้นหรือสารเคมี

การใช้งานช่วยให้การเข้าสายไฟมีความปลอดภัยมากขึ้น

ส่วนประกอบของ Cable gland stainless 316 เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการยึดและป้องกันสายไฟหรือสายเคเบิลให้แข็งแรง ไม่หลุดลุ่ย และยังช่วยป้องกันน้ำและฝุ่นละอองไม่ให้เข้าไปภายในอุปกรณ์ไฟฟ้าได้อีกด้วย 

1. Sealing Nut (ตัวน็อตซีล) หน้าที่: ทำหน้าที่ในการบีบอัดส่วนของซีลและโอริงให้แน่นสนิท เพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำและฝุ่นละอองเข้าไปภายใน
2. Plastic Claw (กรงเล็บพลาสติก) หน้าที่: ทำหน้าที่ยึดจับสายไฟหรือสายเคเบิลให้แน่น ไม่ให้หลุดออกเมื่อถูกดึงหรือสั่นสะเทือน
3. NBR Seal (ซีลยาง NBR) หน้าที่: ทำหน้าที่เป็นตัวซีล ป้องกันไม่ให้น้ำและฝุ่นละอองซึมผ่านเข้าไปภายในได้
4. Body (ตัวบอดี้) หน้าที่: เป็นส่วนประกอบหลักที่ทำหน้าที่รองรับส่วนประกอบอื่น ๆ และยึดติดกับอุปกรณ์ไฟฟ้า

5. O-ring (โอริง) หน้าที่: ทำหน้าที่เป็นตัวซีลเพิ่มเติม ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการป้องกันน้ำและฝุ่นละออง 
6. Lock Nut (น็อตล็อค) หน้าที่: ทำหน้าที่ยึดตัว Cable Gland ให้ติดแน่นกับอุปกรณ์ไฟฟ้า ไม่ให้หลุดออก

การเลือกขนาด Cable Gland ให้เหมาะสมกับ สายไฟ และ รูเจาะอุปกรณ์

ในการติดตั้งเพื่อให้การยึดติดสายไฟมีความมั่นคงและปลอดภัย เริ่มต้นด้วยการวัด เส้นผ่านศูนย์กลาง ของสายไฟและเลือกขนาด Cable Gland ที่เหมาะสม เช่น M20, M25 หรือ PG7 เพื่อให้สามารถยึดสายไฟได้พอดีใน รูเจาะ ของอุปกรณ์ไฟฟ้า ต้องคำนึงถึง ประเภทเกลียว ที่ใช้ในอุปกรณ์ เช่น เกลียว Metric (M) หรือ PG และการเลือกใช้งานที่มีเกลียวตรงกับประเภทของรูเจาะอุปกรณ์ การเลือกขนาดที่ถูกต้องช่วยป้องกันการรั่วไหลของน้ำและฝุ่น ป้องกันการเคลื่อนที่ของสายไฟและเพิ่มความปลอดภัยในการติดตั้งในสภาพแวดล้อมที่ต้องการการป้องกันพิเศษ

วัสดุที่มีขาย Cable Gland IP68

1. สแตนเลส (Stainless Steel): สแตนเลสเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติเด่นในการทนทานต่อการกัดกร่อนและสนิม ทำให้เหมาะสมกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือสารเคมีรุนแรง วัสดุนี้สามารถทนทานต่อการสึกกร่อนจากการใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมอาหาร หรือการใช้งานในที่มีน้ำท่วมขังบ่อยๆ รวมถึงในสภาพแวดล้อมที่มีการทำงานที่รุนแรงหรือการสัมผัสกับสารเคมีต่างๆ สแตนเลสที่ใช้มักจะเป็นเกรด 304 หรือ 316 ซึ่งเป็นเกรดที่มีความทนทานสูงต่อการกัดกร่อนจากสารเคมีและน้ำทะเล นอกจากนี้ยังมีความแข็งแรงสูงและสามารถทนต่ออุณหภูมิสูงได้ดี

2. ทองเหลืองชุบนิกเกิล (Nickel Plated Brass): ทองเหลืองชุบนิกเกิลเป็นวัสดุที่ผสมผสานระหว่างทองเหลืองและนิกเกิล ซึ่งเพิ่มคุณสมบัติในการทนทานต่อการกัดกร่อนและการเสื่อมสภาพ ทำให้วัสดุนี้มีความแข็งแรงสูงและทนทานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงหรือการสัมผัสกับสารเคมีต่างๆ 

นอกจากนี้ทองเหลืองชุบนิกเกิลยังมีความทนทานต่ออุณหภูมิสูง ซึ่งทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในงานไฟฟ้าที่มีการสัมผัสกับแรงดันไฟฟ้าหรืออุณหภูมิสูง การชุบนิกเกิลช่วยป้องกันการกัดกร่อนจากน้ำและอากาศได้ดี และทำให้วัสดุดูสวยงามและมีความทนทานในระยะยาว

3. พลาสติก (Plastic) เช่น PA66 หรือ Nylon 6/6: พลาสติกชนิดนี้มักถูกใช้ในเคเบิลแกลนด์เพื่อทดแทนวัสดุที่มีน้ำหนักมากหรือมีความเป็นโลหะ เนื่องจากมีคุณสมบัติในการทนต่อสารเคมีและการกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อมภายนอก เช่น สารเคมีในอุตสาหกรรมทั่วไป และน้ำมัน การใช้พลาสติก PA66 หรือ Nylon 6/6 จะช่วยให้มีน้ำหนักเบา สามารถทนต่อการเสียดสีและการสึกหรอได้ดี

หมวด สินค้าประจำหมวด

Cable Gland ทั้ง 3 วัสดุ: สแตนเลส, ทองเหลืองชุบนิกเกิล, และพลาสติก โดยสแตนเลส (Stainless Steel) เป็นวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนและการเสื่อมสภาพ เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมอาหาร ขณะที่ทองเหลืองชุบนิกเกิล (Nickel Plated Brass) มีความแข็งแรงและทนทานต่อการกัดกร่อน ทำให้เหมาะสำหรับงานไฟฟ้าที่ต้องการความทนทานสูง เช่น ระบบไฟฟ้าทั่วไปและงานที่มีแรงดันไฟฟ้าสูง ส่วนพลาสติก (Plastic) เช่น PA66 หรือ Nylon 6/6 ทนต่อสารเคมีและการกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อมภายนอก ใช้งานได้ดีในอุตสาหกรรมทั่วไปที่ไม่สัมผัสกับสารเคมีที่รุนแรง ทั้งสามวัสดุนี้เหมาะกับการเลือกใช้ในงานที่มีความต้องการพิเศษตามสภาพแวดล้อมต่างๆ

อธิบายสรุปการเลือกขนาด Cable Gland รุ่นสแตนเลส ควรพิจารณาจาก เส้นผ่านศูนย์กลาง ของสายไฟเพื่อให้ได้ขนาดที่พอดี เช่น M20, M25 หรือ PG7 ซึ่งจะช่วยให้การยึดติดสายไฟมีความมั่นคงและไม่เกิดการเคลื่อนที่ นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึง ประเภทเกลียว ที่เหมาะสมกับอุปกรณ์หรือกล่องเชื่อมต่อ เช่น เกลียว Metric (M) หรือ PG วัสดุ สแตนเลส (SUS304 หรือ SUS316) เป็นตัวเลือกที่ดีในสภาพแวดล้อมที่มีการกัดกร่อนจากน้ำเค็มหรือสารเคมี การเลือก IP Rating เช่น IP68 จะช่วยป้องกันน้ำและฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่กลางแจ้งหรือในโรงงานที่มีความชื้นสูง

Scroll to Top